อ.ต.ก.ลุยแคมเปญ“ส่งรัก วาเลนไทน์” ดึงดีมานด์กระตุ้นรายได้ให้ถึงเกษตรกร
“ตลาด อ.ต.ก.”ได้สร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการทั้งด้านคุณภาพสินค้าพรี่เมี่ยม สด สะอาด ปลอดภัย รสชาติดี ไป-มาสะดวก ไม่มีที่ไหน หาซื้อได้ที่นี่ ทำให้เป็นตลาดที่ได้รับการมาเยือนอีกครั้ง ติดTOP10 ตลาดที่ดีที่สุดในโลก
เพื่อส่งมอบสินค้าที่ดีที่สุด แทนความรัก ความห่วงใย ในเทศกาลวาเลนไทน์ อ.ต.ก. ได้จัดแคมเปญ “อ.ต.ก. ส่งสุข ส่งใจ ส่งรักวาเลนไทน์” ระหว่างวันที่ 13 – 18 ก.พ. 2567
ปณิธาน มีไชยโย ผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร กล่าวว่า เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร ในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์นี้ อ.ต.ก. ได้จัดพื้นที่ ณ ศูนย์แสดงสินค้าผลิตภัณฑ์เกษตรคุณภาพสูง(Thailand Best Agricultural Showroom) พลโยธิน จำหน่ายสินค้าคุณภาพรีเมี่ยม ไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้มงคล นานาพรรณ ตลอด 6 วัน นอกจากจะเป็นทางเลือกให้กับผู้เข้ามาใช้บริการปกติได้มากขึ้นแล้ว ยังเป็นช่องทางที่น่าสนใจของลูกค้ากลุ่มใหม่ เชื่อมั่นว่าผู้ที่เข้ามาใช้บริการจะได้รับสินค้าที่ถูกใจกลับไปอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ อ.ต.ก. ถือเป็นตลาดคุณภาพพรีเมี่ยมแห่งใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานคร โดย อ.ต.ก. มีเป้าหมายจะพัฒนาให้เป็นตลาดเป็นศูนย์กลางอาหารและสินค้าเกษตรคุณภาพที่ดีที่สุดในประเทศไทย จึงจัดตั้งอาคารศูนย์แสดงสินค้าผลิตภัณฑ์เกษตรคุณภาพสูง ขึ้น มีพื้นที่จำหน่ายสินค้าเกษตร ส่งเสริมและสนับสนุนสินค้าเกษตร เป็นพื้นที่สำหรับแสดงสินค้าทางเกษตรในรูปแบบศูนย์แสดงสินค้ากว่า 3,000 ตารางเมตร เพื่อให้ลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติสามารถเข้าถึงสินค้าเกษตรกรคุณภาพได้อย่างสะดวก รวดเร็ว
เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดของการจำหน่ายทางการเกษตร และสินค้าเพื่อการส่งออกของประเทศไทยให้ไปถึงระดับนานาชาติได้ ผ่านช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์ ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้มีความมั่นคงในอาชีพเกษตรกรรม สร้างรายได้ สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
ปัจจุบัน อ.ต.ก. มีผู้มาใช้บริการเฉลี่ยวันละประมาณ 5,000 คน ดังนั้นใน 1 ปี จะมีผู้มาใช้บริการประมาณไม่ต่ำกว่า 1,825,000 คน ตลาด อ.ต.ก. เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีสำหรับผู้บริโภค ในฐานะแหล่ง ช้อป ชิม ชิล สินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพพรีเมี่ยม และเป็นจุดมุ่งหมาย (Destination) ของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานครอีกด้วย
โดยในปี พ.ศ. 2560 ตลาด อ.ต.ก. ได้รับการจัดอันดับ จากสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นสหรัฐอเมริกาให้เป็นตลาดสดที่ดีที่สุด อันดับที่ 4 ของโลก ซึ่งเป็นการการันตีว่าตลาด อ.ต.ก. เป็นตลาดสดที่คู่ควรแก่การมาเยือน อีกทั้งพื้นที่ของ อ.ต.ก. เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสามารถเชื่อมโยงศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งที่ใหญ่ที่สุดของอาเซียน รองรับผู้มาจับจ่ายใช้สอยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จึงสะดวก และเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเป็นแหล่งเลือกซื้อสินค้าคุณภาพเพื่อส่งแทนความรักในเทศกาลในวาเลนไทน์นี้
สำหรับ ทิศทางการการดำเนินงาน อ.ต.ก. ปี 2567 มุ่งเป้าหมายไปยังการขยายตลาดต่างประเทศเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ในประเทศไทย 3 ตลาดหลัก ได้แก่
ตลาดประเทศแถบตะวันออกกลาง เช่น ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยเมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2566 อ.ต.ก. ได้เข้าร่วมงาน “Thai Trade Exhibition Saudi Arabia 2023” ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด ร่วมกับหน่วยงานการค้าต่างประเทศซาอุดิอาระเบีย เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดสำหรับสินค้าเกษตรไทยและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ในประเทศที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งเป็นงานเจรจาธุรกิจระหว่างไทย - ซาอุดีอาระเบีย ระหว่างผู้ร่วมงาน ผู้ผลิต ผู้ส่งออก ผู้ค้าส่ง กลุ่มผู้ประกอบการ SMEs กลุ่ม OTOP จากประเทศไทย และผู้เข้าชมงานชาวเมืองซาอุฯ ร่วมถึงประเทศใกล้เคียง
ตลาดประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยผู้แทนการค้าไทย ได้เจราจา ผลักดันความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน รวมถึงการนำเข้า - ส่งออก สินค้าเกษตรระหว่างไทย - จีน และได้ร่วมขยายตลาดส่งออกสินค้าเกษตรและสินค้าอุปโภคบริโภค
ผ่านระบบการขนส่งทางรางกับบริษัท โกลบอล มัลติโมดัล โลจิสติกส์ จำกัด (GML) ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านการให้บริการ
โลจิสติกส์แบบครบวงจร และเชื่อมโยงระบบเครือข่ายขนส่งของประเทศไทยและต่างประเทศ และ ตลาดประเทศญี่ปุ่น คือทิศทางใหม่ของ อ.ต.ก. ซึ่งจะดำเนินการบุกเบิกตลาดใหม่ และขยายผลไปยังสินค้าเกษตรประเภทต่างๆ อาทิ ผัก ผลไม้ไทย สินค้าประมง สินค้าแช่เยือกแข็ง เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้า ขยายช่องทางจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรให้แก่พี่น้องเกษตรกร เพื่อจำหน่าย สร้างโอกาสในการจำหน่ายสินค้าเกษตรไทยสามารถเข้าสู่ตลาดการค้าต่างประเทศได้มากขึ้น
อ.ต.ก.ปัจจุบัน ได้มีการปรับโครงสร้างหนี้ จัดระบบการเงิน และสามารถแก้ไขปัญหาคดีต่างๆได้แล้วเสร็จ อ.ต.ก. ได้เดินหน้าดำเนินการโครงการต่างๆตามนโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” เน้นความต้องการของตลาดเป็นที่ตั้ง ส่งผลให้สินค้าเกษตรทุกรายการจะขายได้ราคา มีกำไร และสร้างโอกาสในการจำหน่ายให้แก่เกษตรกร เพื่อส่งเสริมให้สินค้าเกษตรไทยสามารถเข้าสู่ตลาดการค้าต่างประเทศได้มากขึ้น