หอการค้าไทย คาดปี 67 ส่งออกไทยโต 2.5 % พร้อมเปิด 10 สินค้าส่งออกดาวเด่นดาวรุ่ง
หอการค้าไทยคาดการณ์ส่งออกไทยปี 67 โต 2.5%มูลค่า 291,676 ล้านดอลลาร์ ชี้ ตลาดสหรัฐ จีน อาเซียน เป็นตลาดสำคัญของไทยในการส่งออก จับตาวิกฤตทะเลแดง เงินบาทแข็งกระทบส่งออก พร้อมเปิด 10 สินค้าส่งออก ดาวเด่นดาวรุ่งไทย
นายพูนทวี ชัยวิจิตมลากูล ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ศูนย์ฯได้ประเมินทิศทางการส่งออกไทยปี 2567 กับ 10 สินค้าส่งออกเด่น ซึ่งคาดว่า การส่งออกไทยในปี 67 จะมีมูลค่า 291,676 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 2.5% หรืออยู่ในช่วง 2-3% หรือมีมูลค่า 290,253 ถึง 293,099 ล้านดอลลาร์ ภายใต้เงื่อนไขเศรษฐกิจโลกขยายตัว 2.3-3.1% ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ย 76-82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยน 34-35 บาทต่อดอลลาร์ อัตราเงินเฟ้อไทย 0.5-1.5% การค้าโลกขยายตัว 3.3%
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก 1.กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีโลกจะขยายตัว 3.1 % เพิ่มขึ้น 0.2 จากเดือนต.ค.ที่คาดว่าจะโต 2.9 % เนื่องจากความสามารถในการฟื้นตัวของสหรัฐและและประเทศกำลังพัฒนา และการสนับสนุนทางการคลังในประเทศจีน
2.การค้าระหว่างประเทศของโลกปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัว 3.3 % จากอัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและจีนแม้จะชะลอตัวจากปี 66 รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในยุโรป
3.ค่าเงินบาทช่วงแรกปี 67 มีแนวโน้มอ่อนค่าส่งผลดีต่อความสามารถในการแข่งขัน
4.เงินเฟ้อโลกลดลง กระตุกดอกเบี้ยขาลงทำให้เศรษฐกิจโลกเติบโต
5.หลายประเทคาดว่าจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย โดยสหรัฐมีโอกาปรับลดดอกเบี้ยในเดือนพ.ค. ทำให้เศรษฐกิจโลกเติบโตขึ้นในครึ่งปีหลังและส่งผลต่อการขยายตัวของการส่งออกในครึ่งปีหลัง
อย่างไรก็ตามยังคงต้องระวังปัจจัยเสี่ยงจาก 1.เหตุการณ์โจมตีเรือขนส่งสินค้าของกบฏฮูตีในบริเวณทะเลแดง ยืดเยื้อส่งผลให้ค่าระว่างเรือเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลต่อต้นทุนการขนส่งและใช้เวลาในการขนส่งมากขึ้นจากการที่ต้องอ้อมแหลมกู๊ดโฮป
2.การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนยังคงมีข้อจำกัดจากปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะปัญหาอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศลดลง
3.ค่าเงินบาทครึ่งปีหลังมีแนวโน้มแข็งค่า ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของไทย
สำหรับ 10 สินค้าส่งออกดาวเด่น ดาวรุ่งปี 67 ซึ่งวิเคราะห์สถานะสินค้าโดยใช้แนวคิด BCG Matrix(Boston Consulting Group) และใช้ข้อมูลอัตราการขยายตัวและสัดส่วนการส่งออกสินค้าไทยเฉลี่ยปี 2564-2566 และผลการคาดการณ์ส่งออกปี 67 พบว่า 10 สินค้าดาวเด่น ประกอบด้วย น้ำมันสำเร็จรูป, โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ,อุปกรณ์กึ่งตัวรำ ทรานซิสเตอร์และไดโอด, ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง, หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ, รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีฟังก์ชันเฉพาะตัว , แผงวงจรไฟฟ้า ,ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ และเครื่องจักรกล
ส่วน 10 สินค้าส่งออกดาวรุ่ง ประกอบด้วย รถแทรกเตอร์ และยานยนต์ที่มีวัตถุประสงค์พิเศษ ,กระเป๋าเดินทาง กระเป๋าอื่นๆ ,ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง ,ประทีปโคมไฟ เช่น สปอตไลต์ และโคมไฟ ,เส้นใยประดิษฐ์ ,นาฬิกาและส่วนประกอบ ,อุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับให้สัญญาณเสียง เช่น กระดิ่ง ไซเรน สัญญาณกันขโมย ,เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ ,ส่วนประกอบสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องกำเนิดไฟฟ้า และเนื้อ แส่วนต่างๆของสัตว์ที่บริโภคได้
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจหอการค้าไทย กล่าวว่า ปี 67 หากเราผลักดันการส่งออกให้โดดเด่นถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเศรษฐกิจไทย ซึ่งตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย คือตลาดสหรัฐ โดยมีสัดส่วนการส่งออกที่ 17. % ซี่งไอเอ็มเอฟและสภาพัฒน์ฯ ประเมินว่า เศรษฐกิจสหรัฐดีกว่าที่คาดไว้ โดยสินค้าดาวเด่น คือ โทรศัพท์ ทรานซิสเตอร์ หม้อแปลงไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศ อัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งเป็นสินค้าอุตสาหกรรม รวมไปถึง รถจักรยานยนต์ เครื่องซักผ้าพลาสติก ก็น่าจะให้การส่งออกของไทยขยายตัวได้ดี
ขณะที่ตลาดจีน ก็ถือเป็นตลาดสำคัญของไทยมีสัดส่วนการส่งออก 12 % โดยสินค้าที่โดดเด่น คือ ผลไม้อะลูมิเนียม มันสำปะหลัง ไก่สด ซึ่งเป็นสินค้าทางการเกษตร เป็นสำคัญ ดังนั้นควรส่งเสริมช่องทางการขนส่งให้สะดวกมากขึ้น
ส่วนตลาดอาเซียน ซึ่งมีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ 23.6 % โดยสินค้าส่งออกส่วนใหญ่เป็นสินค้าด้านเกษตรกรรม เช่น ข้าว น้ำตาลทราย น้ำมันพืช น้ำมันสำเร็จรูป เป็นต้น ซึ่งเป็นตลาดที่กระจายสร้างรายได้ให้กับคนไทย