สรรพากรบังคับธุรกิจยื่นไฟล์ 50 ทวิ พนักงานทางอิเล็กทรอนิกส์เริ่มปีนี้
สรรพากรบังคับธุรกิจยื่นไฟล์รายได้พนักงานทางอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่กรมฯ ป้องกันการปลอมแปลงหนังสือรับรอง 50 ทวิ โดยจะให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 67 เป็นต้นไป เผยยอดยื่นแบบชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรดาปี 66 เข้ามาแล้วกว่า 2 ล้านราย จากฐานผู้มีรายได้กว่า 11 ล้านราย
นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ รองอธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะโฆษกกรมสรรพากรเปิดเผยว่า กรมสรรพากรจะบังคับให้ทุกบริษัทต้องส่งเงินได้ของพนักงานเป็นไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อป้องกันการปลอมแปลงหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย หรือ 50 ทวิ โดยจะให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป
เขากล่าวว่า ก่อนหน้านี้ กรมฯใช้ระบบสมัครใจในการนำส่งการหักภาษี ณ ที่จ่ายว่าจะนำส่งเป็นกระดาษหรือทางไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปทุกบริษัทจะต้องนำส่งเป็นไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะทำให้พนักงานที่มีเงินเดือนทุกรายที่ต้องจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สามารถเรียกดู ใบรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือ 50 ทวิ ในระบบ My Tax Account ตั้งแต่การยื่นภาษีประจำปี ในช่วง 1 ม.ค.ถึง 31 มี.ค.2568 เป็นต้นไป
เขากล่าวว่า ผลดีของการยื่นเป็นไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว จะช่วยลดขั้นตอนการทำงานของบริษัทที่เป็นผู้หักเงินได้ โดยไม่ต้องเก็บเอกสารเป็นกระดาษ ซึ่งเป็นภาระและต้นทุนในการจัดเก็บ และที่สำคัญจะเป็นการป้องกันการปลอมแปลงหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายได้ด้วย ซึ่งที่ผ่านมา มีพนักงานลูกจ้างของบริษัทมีการปลอมแปลงหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่ายกันจำนวนมาก
นอกจากนั้น ยังเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับพนักงานที่เป็นลูกจ้าง ที่มีเงินได้จากหลายแหล่งสามารถเห็น การหักภาษี ณ ที่จ่าย ของบริษัทต่างๆที่เป็นผู้จ่ายเงินได้ให้กับตนเอง ไม่จำเป็นต้องไปตระเวนเพื่อขอหนังสือรับรองจากแต่ละบริษัท
นอกจากนี้ ในอนาคตกรมสรรพากร ยังจะเชื่อมโยงข้อมูลที่เกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาทั้งหมด ให้สามารถเข้าสู่ระบบ My Tax Account ซึ่งเป็นเครื่องมือในการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เสียภาษี แต่ข้อมูลบางอย่างการเชื่อมต่อผ่านระบบ online ยังไม่สามารถทำได้ เช่น ข้อมูลของเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่นายจ้าง หัก จากเงินเดือนของลูกจ้าง แล้วนำส่งให้กองทุนไปบริหาร ซึ่งข้อมูลการหักเงินนำส่งอยู่กับนายจ้าง แต่กรมฯจำเป็นต้องได้ข้อมูลโดยตรงจากกองทุน ดังนั้น การวางระบบเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลจึงจำเป็นต้องใช้เวลา
“ในความฝันของกรมสรรพากรคือ สามารถเชื่อมโยงข้อมูลเงินได้และค่าลดหย่อนต่างของพนักงาน เข้ามาไว้ในระบบทั้งหมด และเป็นการส่งมาล่วงหน้า เพื่อให้กรมสรรพากร สามารถแจ้งไปยังนายจ้างว่า ให้หักภาษี ณ ที่จ่ายในระดับที่พอดี ไม่หักไว้เกิน จนต้องมายื่นขอคืนในภายหลัง”
ทั้งนี้ ในปีที่แล้ว มีการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รวม 11.4 ล้านราย ในจำนวนนี้ 96% ของผู้ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เป็นการยื่นผ่านอิเล็กทรอนิกส์ และมีผู้ยื่นขอคืนภาษี 4 ล้านราย
สำหรับการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีนี้นั้น จนถึงวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมานี้ มีการยื่นมาแล้ว 2.1 ล้านราย มากขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ที่มีการยื่นแบบภาษีมา 1.7 ล้านแบบ