เปิดโฉมรถไฟท่องเที่ยวน้องใหม่ ‘SRT Royal Blossom’
เจาะลึกที่มาขบวนรถไฟท่องเที่ยวน้องใหม่ “SRT Royal Blossom” หลัง ร.ฟ.ท. ซุ่มปรับโฉมจากรถไฟมือสองญี่ปุ่น เตรียมเปิดให้บริการกลางปีนี้
KEY
POINTS
- เจาะลึกที่มาขบวนรถไฟท่องเที่ยวน้องใหม่ “SRT Royal Blossom” ฝีมือช่างคนไทย 100%
- การรถไฟฯ ซุ่มปรับโฉม 4 ปี จากรถไฟมือสองญี่ปุ่นสู่ขบวนรถท่องเที่ยวพร้อมสันทนาการ
- คาดเปิดให้บริการกลางปีนี้ เส้นทางระยะใกล้แบบไปเช้าเย็นกลับ พร้อมเร่งระยะที่ 2 อีก 5 คันหนุนธุรกิจท่องเที่ยว
การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) รับมอบขบวนรถโดยสารชนิดนั่งปรับอากาศ Hamanasu (ฮามานะสุ) จากบริษัท Hokkaido Railway Company (JR Hokkaido) ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 10 คัน ในราวปี 2561 โดยมีเป้าหมายปรับปรุงเพื่อให้บริการด้านการท่องเที่ยว
สำหรับตู้รถโดยสารชนิดนั่งปรับอากาศ Hamanasu ของประเทศญี่ปุ่นนี้ ผลิตเมื่อปี ค.ศ. 1988 เคยให้บริการเป็นขบวนรถด่วนที่มีชื่อว่า Hamanasu เส้นทางเชื่อมระหว่างเกาะฮอกไกโดข้ามไปเกาะฮอนชู จากสถานีซับโปโรไปถึงสถานีอะโอโมริ และให้บริการเที่ยวสุดท้ายที่เกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 21 มี.ค.2559 โดยชื่อ Hamanasu หรือที่เรียกอีกอย่างว่า ดอกกุหลาบญี่ปุ่น ถือเป็นดอกไม้ประจำเกาะฮอกไกโดนั่นเอง
โดยล่าสุด 15 มี.ค.ที่ผ่านมา นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดหวูดทดลองขบวนรถโดยสาร Hamanasu ที่ปรับปรุงแล้วเสร็จจำนวน 5 คัน พร้อมเผยถึงที่มาและแนวคิดของการปรับปรุงขบวนรถดังกล่าวสู่รถไฟท่องเที่ยวน้องใหม่ “SRT Royal Blossom”
“เมื่อรับมอบรถโดยสารนี้มาจากญี่ปุ่น พบว่ารถยังมีสภาพดีมาก แต่เมื่อรับมอบเสร็จแล้วขบวนรถถูกจอดทิ้งไว้ที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เป็นเวลานาน และการรถไฟฯ ยังไม่มีแผนว่าจะทำอะไรกับรถขบวนนี้ รวมถึงติดอุปสรรคเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างทำให้ขบวนรถถูกทิ้งไว้ จนกระทั่งปี 2563 เมื่อได้รับตำแหน่งเป็นผู้ว่าฯ พบว่ารถยังมีสภาพดี จึงมอบหมายให้ฝ่ายช่างกลของการรถไฟฯ ปรับปรุงรถโดยสาร”
สำหรับแนวคิดของการปรับปรุงรถโดยสาร Hamanasu ชุดแรกจำนวน 5 คัน โจทย์เพื่อพัฒนารถไฟท่องเที่ยวเฉพาะที่มีความสวยงาม จากปกติที่ ร.ฟ.ท. มีรถโดยสารขบวนท่องเที่ยวอยู่แล้ว ยังไม่มีรถที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการท่องเที่ยวแบบนี้ เป็นขบวนรถที่มีสันทนาการบนรถ เพื่อตอบโจทย์ให้คนบนรถมีความรู้สึกว่ากำลังท่องเที่ยวอยู่ตลอดการเดินทาง โดยมีดีไซน์ที่สวยงาม มีสันทนาการ มีห้องคาเฟ่ และสำคัญคือขบวนรถนี้ปรับปรุงโดยฝีมือคนไทยทำทั้งนั้น
อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน SRT Royal Blossom อยู่ระหว่างทดสอบความพร้อมของระบบ และเมื่อทดสอบแล้วเสร็จ มีกำหนดเริ่มให้บริการท่องเที่ยวในกลางปีนี้ โดยช่วงแรกจะให้บริการในเส้นทางระยะสั้น แบบวันเดย์ทริป หรือไปเช้าเย็นกลับในเส้นทางยอดนิยม เช่น กาญจนบุรี หัวหิน ฉะเชิงเทรา และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ รวมถึงให้บริการในช่วงเทศกาลสำคัญ หรือให้บริการเช่าเหมาขบวนเพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มธุรกิจ ขณะที่ราคาค่าโดยสารยืนยันว่าจะเป็นราคาที่ทุกคนเอื้อมถึง
นายนิรุฒ ยังเผยด้วยว่า ที่มาของชื่อขบวนรถ “SRT Royal Blossom” เนื่องจากต้องการแสดงออกถึงดอกราชพฤกษ์ ที่เป็นดอกไม้ประจำรัชกาลที่ 10 และเป็นดอกไม้ที่สื่อให้เห็นถึง “ยุคเบ่งบานของการรถไฟ” โดย ร.ฟ.ท.ยังได้ออกแบบโลโก้ STATE RAILWAY OF THAILAND ROYAL BLOSSOM SINCE – 2022 คู่กับดอกราชพฤกษ์ ถูกวางบนหน้าปัดนาฬิกา ตัวเลขโรมัน และเข็มนาฬิกาชี้ไปที่ตัวเลข 13 เป็นการเปรียบเทียบถึงการเดินทางครั้งใหม่ของ Hamanasu จนเป็น SRT Royal Blossom
สำหรับรายละเอียดการปรับปรุงรถโดยสารครั้งนี้ ประกอบด้วย ภายนอกตู้ SRT Royal Blossom ถูกแต่งแต้มสีสันภายนอกด้วยสีแดงเชอรี่ คาดทอง ส่วนภายนอกตัวรถ ได้มีการทำสีใหม่ให้เป็นเฉดสีแดงคาดลายสีทอง ซึ่งเป็นสีของกลีบดอกไม้ ที่มีความสวยงาม และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของขบวนรถไฟท่องเที่ยวชุดนี้ ส่วนด้านหน้าและด้านข้างตัวรถจะมีสัญลักษณ์โลโก้ประจำรถ SRT Royal Blossom
สำหรับการตกแต่งภายในตัวรถ ทำเบาะหุ้มที่นั่งใหม่เป็นเบาะกำมะหยี่ เปลี่ยนผ้าม่านที่สามารถปรับระดับได้ เปลี่ยนหลอดไฟให้เป็นหลอด LED รวมถึงส่วนประกอบหลักของงานตกแต่งที่ทำจากไม้สนซีดาร์ เป็นเนื้อไม้ที่มีความสวยงามและทนทานต่อการใช้งาน การติดตั้งบันไดทางขึ้น-ลง ที่ใช้สำหรับรองรับชานชาลาสูงและต่ำ โดยใช้วัสดุจากไม้สักและคลิบด้วยทองเหลืองแท้ที่พับเก็บได้ ตลอดจนการออกแบบหน้าต่างพร้อมกรอบโลหะสีทอง ที่มีขนาดความกว้างพิเศษ สามารถชมวิวทิวทัศน์ได้กว้างกว่ารถโดยสารทั่วไป และยังติดตั้งเครื่องฟอกอากาศทุกตู้
ขณะที่งานด้านเทคนิค มีการปรับปรุงระบบห้ามล้อ และปรับปรุงแคร่และความกว้างของเพลาล้อใหม่ จากเดิม 1.067 เมตร ให้เป็นขนาด 1 เมตร ตามมาตรฐานทางรถไฟไทย การปรับปรุงระบบปรับอากาศ การปรับปรุงระบบไฟฟ้าโดยใช้เครื่องยนต์จากรถ Power Car ในการจ่ายกระแสไฟฟ้า ซึ่งช่วยลดมลภาวะทางเสียงและอากาศ เปลี่ยนปลั๊กไฟจาก 110 โวลต์ ที่ใช้ในประเทศญี่ปุ่น ให้เป็น 220 โวลต์ โดยได้ติดตั้งปลั๊กแบบมาตรฐาน และ USB Port เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน และเปลี่ยนห้องสุขาให้เป็นระบบสุญญากาศระบบเดียวกับเครื่องบิน เปลี่ยนถังเก็บน้ำให้มีขนาดใหญ่กว่าเดิม รวมถึงเปลี่ยนชุดหัวสูบถ่ายจากถังเก็บสิ่งปฏิกูลที่สามารถใช้ร่วมกับรถโดยสารอื่นได้
สำหรับตู้โดยสารทั้ง 5 คัน แบ่งออกเป็น
ตู้ที่ 1 รถโดยสาร Group Car จำนวน 1 คัน โดยดัดแปลงให้เป็นห้องโดยสารแบบกลุ่มส่วนตัว จำนวน 4 ห้อง ซึ่งแต่ละห้องสามารถรองรับได้ 4-6 คน สามารถชมวิวทิวทัศน์ได้กว่า 180 องศา ประตูเซนเซอร์ มีทางเดินที่กว้างขวาง สะดวกสบายรองรับรถวีลแชร์ นอกจากนี้ ยังมีมีลิฟต์ขนาดใหญ่ จำนวน 2 ตัว และห้องน้ำสำหรับรองรับผู้พิการด้วย
ตู้ที่ 2 รถโดยสาร Passenger Car จำนวน 3 คัน โดยดัดแปลงเป็นห้องโดยสารแบบรวม มีทั้งหมด 48 ที่นั่งต่อคัน โดยที่นั่งมีทั้งแบบหันหน้าเข้าหาหน้าต่างเพื่อชมวิว หรือปรับเบาะหันหน้าเข้าหากันเพื่อทำกิจกรรมในกลุ่มเพื่อนได้ พร้อมทั้งช่องเสียบสาย USB ทุกที่นั่ง ซึ่งแต่ละตู้จะมีเบาะที่นั่งที่มีสีสันต่างกัน เพื่อสื่อถึงการเดินทางในแต่ละครั้ง ผู้โดยสารจะได้รับความประทับใจที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา นอกจากนี้ ยังมีอีก 8 ที่นั่งที่แยกออกมาสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวด้วย
ตู้ที่ 3 รถโดยสาร Leisure Car จำนวน 1 คัน โดยดัดแปลงให้เป็นรถเสบียง สำหรับให้บริการอาหารและเครื่องดื่มที่ผู้โดยสารสามารถมาใช้บริการหรือซื้อกลับไปรับประทานที่ตู้โดยสารได้ ภายในออกแบบเคาน์เตอร์บาร์ให้อยู่ตรงกลางทำให้ผู้โดยสารสามารถเดินด้านข้างได้ทั้ง 2 ด้าน มีพื้นที่กว้างขวางสามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้ และกระจกมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษสามารถนั่งชมวิวทิวทัศน์ได้อย่างสบาย นอกจากนี้ บริเวณด้านท้ายตู้มีพื้นที่โล่งที่ให้นักท่องเที่ยวสามารถมายืดเส้นยืดสายพักผ่อนอริยาบถได้อีกด้วย
ทั้งนี้ ร.ฟ.ท.ยังอยู่ระหว่างเร่งปรับปรุงขบวนรถ Hamanasu ที่เหลืออีก 5 คัน คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปีนี้ โดย ร.ฟ.ท. ตั้งเป้าให้การเปิดให้บริการขบวนรถไฟท่องเที่ยวใหม่ SRT Royal Blossom เป็นส่วนสำคัญในการช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ และสร้างรายได้ให้แก่องค์กร ตามเป้าหมายของแผนฟื้นฟูกิจการที่กำหนดยุทธศาสตร์ “พลิกฟื้นธุรกิจหลัก” ส่วนหนึ่งจากการพัฒนาขบวนท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มรายได้ขยายฐานลูกค้าให้หลากหลายมากขึ้น