'ส.อ.ท.' ฟันธง 10 เม.ย.นี้ กนง.เสียงส่วนมากเคาะหั่นดอกเบี้ย พยุงเศรษฐกิจ
"ส.อ.ท." มั่นใจ 10 เม.ย. 2567 นี้ "กนง." เสียงส่วนมากเคาะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ปัจจัยแรงกดดันภาครัฐ-เอกชน เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร หนี้ครัวเรือนยังพุ่ง
KEY
POINTS
- ส.อ.ท. มอง กนง. 10 เม.ย.นี้ เสียงส่วนมากมีมติลดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% แน่นอน
- อิศเรศ ระบุ กนง. ไม่ควรต้องรอธนาคารกลางสหรัฐประกาศลดลงก่อนก็ได้ เพราะโครงสร้างของปัญหาที่ต่างกัน
- "เอกชน" ยืนยันการแจกเงินโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ไมต้องแจกหว่านควรเลือกเฉพาะกลุ่มที่มีปัญหา
นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 10 เม.ย.นี้ กนง. จะต้อง ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แน่นอน ทั้งนี้ เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจไทยไม่ดี หนี้ครัวเรือนและค่าครองชีพสูง การลดดอกเบี้ยจะช่วยให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้ เพราะต้นทุนทางการเงินของผู้บริโภคและผู้ประกอบการต่ำลงทันที ถือว่าดีต่อประเทศ
อย่างไรก็ตาม ในการประชุม กนง. ครั้งที่แล้วเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา เสียง 5 ต่อ 2 โดย 5 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ต่อปี ขณะที่ 2 เสียง เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี ดังนั้น คิดว่าครั้งนี้น่าจะปรับลดลงเพราะตัวเลขไตรมาส 1/2567 ที่ออกมาแย่มากทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) น่าจะเห็นตัวเลขอยู่แล้ว จึงต้องลดอย่างยิ่งเพื่อให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้มากขึ้น อำนาจซื้อประชาชนจะมากขึ้นตามมาด้วย
นอกจากนี้ เห็นควรว่าไม่ควรต้องรอธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดก่อนก็ได้ เพราะโครงสร้างของปัญหาที่ต่างกัน เขามีปัญหาหลายเรื่อง เรามองหนี้ครัวเรือน อำนาจซื้อประชาชน บวกกับเศรษฐกิจไม่ดีมาประกอบ จึงควรต้องลด ไม่จำเป็นต้องดู จึงมองว่างวดนี้ผ่านให้ลดแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หากไม่ลดก็จะตรงข้ามกันเลย เอาง่าย ๆ ทั้งหนี้บ้าน หนี้รถ หนี้ครัวเรือนก็ยังสูง คนไม่มีอำนาจซื้อ ดอกเบี้ยที่ต้องส่งค่างวดรถ ค่าบ้าน ควรจะลดลงได้แล้ว เพื่อให้คนมีกำลังใจ เพื่อให้ต้นทุนทางการเงินไม่สูงเกินไป เพราะเศรษฐกิจก็ไม่ดีด้วย เรื่องเงินเฟ้อถึงไม่สูงก็ตาม แต่เงินเฟ้อเราก็ไม่ขึ้นด้วย
นายอิศเรศ กล่าวว่า ส่วนการแจกเงิน โครงการดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท เท่าที่ฟังจะมีแหล่งเงินแล้ว สิ่งสำคัญคือ การกระตุ้นเศรษฐกิจจะต้องดี ตอนนี้เราพึ่งพิงเครื่องยนต์ตัวเดียวคือภาคท่องเที่ยว เพราะส่งออกเราไม่ดี และงบประมาณภาครัฐก็ล่าช้าจึงเหลือภาคท่องเที่ยว แต่ก็จะเจอกับ ฝุ่น PM2.5 ซึ่งก็ไม่ดีนัก
ดังนั้น จึงเหลือการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้อำนาจการซื้อของประชาชนสูงขึ้น และเป็นนโยบายรัฐบาลที่หาเสียง ส่วนตัวยังมองเหมือนเดิมคือว่าทำไมต้องแจกคนถึง 5 แสนล้านคน ควรเลือกเฉพาะกลุ่มที่มีปัญหาจริง ๆ ดังนั้น 10 เม.ย. 2567 นี้ จะรู้ทิศทางที่แน่นอน แต่สิ่งที่เอกชนอยากเห็นคือการกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่า โดยใช้เครื่องมือตัวอื่นกระตุ้นแทนบ้าง
