กรมข้าว รับรอง10 สายพันธุ์ข้าว ลั่นปีนี้งดจ่ายชาวนาไร่ละ 1,000

กรมข้าว รับรอง10 สายพันธุ์ข้าว ลั่นปีนี้งดจ่ายชาวนาไร่ละ 1,000

กรมการข้าวประกาศรับรอง 10 สายพันธุ์ข้าว ตอบรับทุกความต้องการ จำหน่าย ต.ค.นี้ เล็งสร้างห้องเย็นเก็บเมล็ดพันธุ์ขยาย ลดระยะเวลารับรองเหลือแค่ 3 เดือน เชื่อมเอกชนผลิตพันธุ์จำหน่าย ขณะปีนี้งดช่วยชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ยกโครงการนาสะอาด ลดการปลอมปน เกษตรกรเข้มแข็ง

KEY

POINTS

  • กรมการข้าวเตรียมการจะรับรองพันธุ์ข้าว ในปี 2567 ช่วงเดือน เมษายน จำนวน 10 พันธุ์ ซึ่งจะสามารถผลิตพันธุ์ขยายส่งเสริมและจำหน่ายให้เกษตรกรใช้ปลูกได้ตั้งแต่เดือน ต.ค. นี้เป็นต้นไป
  • กรมการข้าวเปิดโครงการนาสะอาด การใช้พันธุ์เดียวในการเพาะปลูก ช่วยป้องกันปัญหาข้าวด้อยคุณภาพ พร้อมลดบทบาทการผลิตเมล็ดพันธุ์เหลือแค่ ในชั้นหลักและขยาย เท่านั้น ส่วนพันธุ์จำหน่ายจะเชื่อมภาคเอกชน  
  • การช่วยเหลือชาวนาในฤดูกาลทำนาปี 2567  จะเน้นการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร รัฐบาลจะงดการจ่ายเงินไร่ละ1,000 บาทไม่เกิน 20 ไร่ต่อราย 

นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระชนมพรรษา 72 พรรษา กรมการข้าวน้อมสํานึก ในพระมหากรุณาธิคุณ เพื่อสร้างขวัญและกําลังใจแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว กรมการข้าวเตรียมการจะรับรองพันธุ์ข้าว ในปี 2567 ช่วงเดือน เมษายน จำนวน 10 พันธุ์ ซึ่งจะสามารถผลิตพันธุ์ขยายส่งเสริมและจำหน่ายให้เกษตรกรใช้ปลูกได้ตั้งแต่เดือน ต.ค. นี้เป็นต้นไป

กรมข้าว รับรอง10 สายพันธุ์ข้าว ลั่นปีนี้งดจ่ายชาวนาไร่ละ 1,000 กรมข้าว รับรอง10 สายพันธุ์ข้าว ลั่นปีนี้งดจ่ายชาวนาไร่ละ 1,000

 ข้าวทั้ง 10 สายพันธุ์ เป็น ข้าวขาวพื้นแข็ง ข้าวหอมไทย ข้าวเหนียว ข้าวญี่ปุ่น และข้าวสาลี ที่ให้ผลผลิตอย่างน้อย 900- 1,000 กิโลกรัม(กก.) ต่อไร่ ตอบความต้องการของเกษตรกร ผู้บริโภคและผู้ประกอบการ อีกทั้งพันธุ์ข้าวเหล่านี้ ยังมีความสำต่อชาวนา รวมถึงประชาชนที่อยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย เกษตรกรผู้ปลูกข้าวจะมีข้าวพันธุ์ใหม่ คุณภาพดี ในแต่ละชนิดและประเภทข้าว ซึ่งเป็นทางเลือกให้เกษตรกร ในการเลือกใช้พันธุ์ข้าวสำหรับปลูกแต่ละนิเวศของการปลูกข้าวในประเทศไทย

การรับรองพันธุ์ข้าวของไทย หลังจากนี้จะใช้ระยะเวลา เพียง 3 เดือนเท่านั้น จากเดิมที่ใช้เวลา 1-2 ปี ซึ่งไม่ทันต่อความต้องการของเกษตรกรและตลาด โดยกลไกที่จะส่งผลให้รับรองพันธุ์ข้าวได้เร็วขึ้นนั้น กรมการข้าวอยู่ระหว่างการพิจารณาและเสนอของบประมาณเพื่อสร้างห้องเย็นใช้สำหรับจัดเก็บเมล็ดพันธุ์หลัก 3-4 แห่ง กระจายตามภูมิภาคต่างๆ ซึ่งจะสามารถหยิบใช้เป็นพันธุ์ขยายได้ทันทีเมื่อต้องการใช้

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากจำนวนบุคลากรและพื้นที่ปลูกของกรมการข้าวยังไม่เพียงพอต่อการผลิตเมล็ดพันธุ์จำหน่าย โดยมีกำลังการผลิตขณะนี้เพียง 1.25 แสนตัน จำความต้องการทั้งสิ้น 1 ล้านตัน ดังนั้นกรมการข้าวจะทำหน้าที่ผลิตเมล็ดพันธุ์ขยายเท่านั้น และจะเชื่อมกับภาคเอกชนเพื่อให้ผลิตเมล็ดพันธุ์จำหน่าย

นอกจากนี้กรมการข้าวจะส่งเสริมให้เกษตรกรทำนาอย่างประณีต ใช้วิธีการปักดำ การหยอด แทนการหว่าน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน ใช้เมล็ดพันธุ์น้อยลง ได้ข้าวที่มีคุณภาพมากขึ้น รวมทั้งจะเชื่อมกับกรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร เพื่อดำเนินโครงการนาสะอาด ซึ่งหมายถึงการใช้พันธุ์เดียวในการเพาะปลูก จะช่วยป้องกันปัญหาข้าวด้อยคุณภาพ ไม่มีพันธุ์ข้าวอื่นปน ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำให้พ่อค้าคนกลางกดราคา

“ การทำนาสะอาด สำคัญมากกับคุณภาพข้าว เช่นในภาคอีสานที่ปลูกข้าวคุณภาพดี หอมมะลิ 105 ปลูกได้ปีละครั้ง แต่เนื่องจากพื้นที่มีน้ำเกษตรกรก็ทำนาปรังต่อ เป็นข้าวอื่น เมื่อเวียนมาปลูกหอมมะลิอีกทีกลายเป็นว่ามีข้าวอื่นปนอยู่ ทางโรงสีที่มีเครื่องคัดเมล็ดตรวจพบ ก็ไม่รับซื้อ หรือกดราคาซื้อต่ำกว่าราคาตลาด “

 

กรมข้าว รับรอง10 สายพันธุ์ข้าว ลั่นปีนี้งดจ่ายชาวนาไร่ละ 1,000 กรมข้าว รับรอง10 สายพันธุ์ข้าว ลั่นปีนี้งดจ่ายชาวนาไร่ละ 1,000

ดังนั้นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านการทำนา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้าไป ส่งเสริมให้ปลูกพืชหมุนเวียน และเพิ่มแร่ธาตุในดิน เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น พืชเหล่านี้ยังช่วยตัดวงจรวัชพืชที่ปัจจุบันพัฒนาผสมพันธุ์กับต้นข้าวมีความสูงใกล้เคียงกันทำให้แยกไม่ออกและกำจัดยาก ทั้งหมดกรมการข้าวจะส่งเสริมในกลุ่มแปลงใหญ่ก่อน เพราะสามารถควบคุมได้ ในขณะที่การทำนาโดยใช้น้ำบาดาล เหล่านี้จะไม่ส่งเสริม เพราะต้นทุนสูงไม่คุ้มกับการลงทุน

การทำนาสะอาดยังจะช่วยลดปริมาณข้าวที่ออกสู่ตลาดให้น้อยลง ในปริมาณที่สมดุลกับความต้องการของตลาด ได้ข้าวมีคุณภาพ ราคาจะที่ได้รับจะสูงขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาการลักลอบปลูกข้าวพันธุ์ประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากการเมล็ดพันธุ์ที่ใช้ปลูกต้องตรงกับที่ลงทะเบียนเอาไว้ ในกรณีนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องสั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดในการตรวจสอบมากขึ้น โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่บรรจุใหม่ ต้องอบรมเรียนรู้ลักษณะพันธุ์ข้าวใหม่ๆ

ทั้งนี้เพราะ ชาวนาของไทยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ที่แต่ละปีใช้งบประมาณจำนวนมาก การลักลอบใช้เมล็ดข้าวต่างประเทศ รวมไปถึงการลักลอบนำเข้าข้าวเถื่อน เท่ากับเป็นการทำลายคุณภาพข้าวของไทย โดยการช่วยเหลือชาวนาในฤดูกาลทำนาปี 2567 นั้น จะเน้นการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร รัฐบาลจะงดการจ่ายเงินไร่ละ1,000 บาทไม่เกิน 20 ไร่ต่อราย แต่จะหันมาสนับสนุนโครงการชะลอจำหน่าย แทน วิธีการนี้จะช่วยพยุงราคาข้าวในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดเยอะ รวมทั้งยังเป็นการสร้างความเข็มแข็งสถาบันเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการด้วย

 

กรมข้าว รับรอง10 สายพันธุ์ข้าว ลั่นปีนี้งดจ่ายชาวนาไร่ละ 1,000 กรมข้าว รับรอง10 สายพันธุ์ข้าว ลั่นปีนี้งดจ่ายชาวนาไร่ละ 1,000

สำหรับ 10 เมล็ดพันธุ์ที่กรมการข้าวประกาศรับรอง เนื่องในโอกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระชนมพรรษา 72 พรรษา ประกอบด้วย

1. กข99 หรือ หอมคลองหลวง 72 เป็นข้าวเจ้าหอมพื้นนุ่มไม่ไวต่อช่วงแสง อายุเก็บเกี่ยว 115 วัน ให้ผลผลิต 957 กิโลกรัมต่อไร่ แนะนําใช้ปลูก ในพื้นที่นาชลประทานภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่าง และภาคเหนือตอนบนที่เป็นพื้นที่ส่งเสริมให้ปลูกข้าวหอมไทย ข้อควรระวัง ค่อนข้างอ่อนแอต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล อ่อนแอต่อโรคไหม้และโรคขอบใบแห้ง

2. กข103 หรือ หอมชัยนาท 72 เป็นข้าวเจ้าหอมพื้นนุ่มไวต่อช่วงแสง อายุเบา ออกดอกประมาณวันที่ 15 ตุลาคม อมิโลสต่ำ (17.3 เปอร์เซ็นต์) ผลผลิตเฉลี่ย 596 กิโลกรัมต่อไร่ ให้ผลผลิต 875 กิโลกรัมต่อไร่ แนะนำปลูก ในพื้นที่นาน้ำฝนภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง ต้านทานต่อโรคไหม้ และโรคขอบใบแห้งในเขตภาคกลาง ข้อควรระวัง ค่อนข้างอ่อนแอต่อโรคไหม้และโรคขอบใบแห้งในเขตภาคเหนือตอนล่าง โดยเฉพาะ จังหวัดพิษณุโลก รวมถึงค่อนข้างอ่อนแอต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและเพลี้ยกระโดดหลังขาว

3. กข105 หรือเจ้าพระยา 72 เป็น ข้าวเจ้าไม่ไวต่อช่วงแสง อายุเก็บเกี่ยว 100-110 วัน (หว่านน้ำตม) และ 110-116 วัน (ปักดำ) ให้ผลผลิต 1,176 กิโลกรัมต่อไร่ ต้านทานโรคขอบใบแห้ง และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ท้องไข่น้อย แนะนําปลูกพื้นที่นาชลประทานภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลาง ข้อควรระวัง ค่อนข้างอ่อนแอต่อโรคไหม้

4. กข107 หรือ พิษณุโลก 72 เป็นข้าวเจ้าพื้นแข็งหอม ไม่ไวต่อช่วงแสง อายุเก็บเกี่ยว 107 วัน (ฤดูนาปี) และ 108 วัน (ฤดูนาปรัง) เมื่อปลูกโดยวิธีปักดำ ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ทนน้ำท่วมฉับพลันปานกลาง ให้ผลผลิต 1,070 กิโลกรัมต่อไร่ แนะนํา พื้นที่นาชลประทานในเขตภาคเหนือตอนลางและภาคกลาง ข้อควรระวัง อ่อนแอต่อโรคไหม้ โรคขอบใบแห้ง และเพลี้ยกระโดดหลังขาว

5. กข109 หรือหอมพัทลุง 72 เป็นข้าวเจ้าหอมพื้นนุ่มไม่ไวต่อช่วงแสง อายุเก็บเกี่ยว (102 วัน วิธีหว่านน้ำตม และ 112 วัน วิธีปักดำ) ให้ผลผลิตสูงสุด 1,086 กิโลกรัมต่อไร่ แนะนําปลูกพื้นที่นาชลประทานภาคใต้ ข้อควรระวัง อ่อนแอต่อโรคไหม้ ขอบใบแห้ง และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ควรหลีกเลี่ยงการปลูกพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคไหม้ ขอบใบแห้ง และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลเป็นประจำ

6. กข24 หรือสกลนคร เป็นข้าวเหนียวไวต่อช่วงแสง ปลูกได้เฉพาะฤดูนาปี ออกดอก 50 เปอร์เซ็นต์ ประมาณวันที่ 21 ตุลาคม เก็บเกี่ยวประมาณ วันที่ 23 พฤศจิกายน ผลผลิตเฉลี่ย 663 กิโลกรัมต่อไร่ ศักยภาพการให้ผลผลิตสูงสุด 1,002 กิโลกรัมต่อไร่ มีลำต้นเตี้ย ต้านทานการหักล้มดีกว่าพันธุ์ กข6 และ กข18 ต้านทานโรคไหม้ในระยะกล้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แนะนําให้ปลูกในพื้นที่นาน้ำฝนภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีการระบาดของโรคไหม้ ข้อควรระวัง อ่อนแอต่อโรคไหม้คอรวง ขอบใบแห้ง แมลงบั่ว และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และ กข18

กรมข้าว รับรอง10 สายพันธุ์ข้าว ลั่นปีนี้งดจ่ายชาวนาไร่ละ 1,000

7. กข26 หรือ เชียงราย 72 เป็นข้าวเหนียวไม่ไวต่อช่วงแสง อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 130 วัน ให้ผลผลิต 1,152 กิโลกรัมต่อไร่ ต้านทานต่อโรคไหม้ระยะกล้าในภาคเหนือตอนบน แนะนําปลูกพื้นที่นาชลประทานภาคเหนือตอนบน ข้อควรระวัง อ่อนแอต่อโรคไหม้คอรวง ขอบใบแห้ง แมลงบั่ว เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและเพลี้ยกระโดดหลังขาว

 8.กขจ1 หรือวังทอง 72 เป็นข้าวญี่ปุ่น หรือจาปอนิกาไม่ไวต่อช่วงแสง อายุเก็บเกี่ยว 98-113 วัน (นาปี และ 105-123 วัน(นาปรัง เมื่อปลูกโดยวิธีปักดำให้ผลผลิต953กิโลกรัมต่อไร่ ต้านทานต่อโรคไหม้ แนะนำปลูกพื้นที่นาชลประทานในเขตภาคเหนือตอนบนและล่าง ข้อควรระวังอ่อนแอต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และเพลี้ยกระโดดหลังขาว

9 .กขส1 หรือสะเมิง 72 เป็นข้าวสาลี อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 89 วัน เมื่อปลูกโดยวิธีโรยเป็นแถว ผลผลิตเฉลี่ย 441 กิโลกรัมต่อไร่ให้ผลผลิตสูงถึง 569 กิโลกรัมต่อไร่ คุณภาพของโปรตีนเหมาะสมสำหรับทำแป้งขนมปัง มีค่าความหนืดสูงสุด แนะนําปลูก ภาคเหนือตอนบน ข้อควรระวัง การปลูกล่าช้าอาจทำให้เกิดโรคใบจุดสีน้ำตาล

 10. หอมหัวบอน 35 หรือกระบี่ 72 เป็นข้าวไร่ไวต่อช่วงแสง อายุวันออกดอก ระหว่าง 21 กันยายน-17 ตุลาคม เยื่อหุ้มเมล็ดสีแดง ข้าวหุงสุกมีกลิ่นหอมเหมือนเผือก มีคุณภาพการหุงต้มและรับประทานดี มีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย คือ Gamma Oryzanol และ Total antioxidant ค่อนข้างสูง ต้านทานโรคไหม้ในระยะกล้า แนะนําปลูกในสภาพไร่แซมยางพาราและปาล์มน้ำมัน ที่ปลูกใหม่ อายุ 1-3 ปี ในภาคใต้ ข้อควรระวัง อ่อนแอต่อโรคขอบใบแห้งและเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล