สรท.หวั่นสงครามลามตะวันออกกลางกระทบส่งออกไทยไตรมาส 3

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวถึงเหตุการโจมตีต่อเนื่องระหว่างอิหร่าน - อิสราเอลว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นคงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากว่าสถานการณ์มีความรุนแรงและขยายวงกว้างมากขึ้น ย่อมมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทยไปยังตะวันออกกลาง อีกทั้งต้องดูว่าจะกระทบต่อการขนส่งทางทะเลผ่านเส้นทางทะเลแดงหรือไม่ด้วย

ขณะนี้ก็มีความกังวลและเป็นห่วงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะตลาดตะวันออกกลางเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทยเพราะกำลังเติบโตดีต่อเนื่องมีสัดส่วนส่งออก 5-7 % โดย มี 2 ประเด็นที่น่าต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ 1.ผลกระทบต่อการส่งออกของไทย แม้ว่าขณะนี้ยังไม่กระทบเพราะสินค้าได้ส่งออกไปยังตะวันออกกกลางแล้วในช่วงไตรมาสแรก และมีคำสั่งซื้อไตรมาส 2 แล้ว เพราะหลังจากเทศกาลรอมฎอนสิ้นสุดไปเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ก็เริ่มมีคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อแน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในระยะต่อไป คาดว่าคำสั่งซื้อสินค้าจะค่อยๆลดลง

นอกจากนี้หากสถานการณ์ปลายปลายมีการโจมตีเรือขนส่งสินค้าในทะเลแดง มีการหยุดเดินเรือ สถานการณ์ก็จะกลับมาเป็นเหมือนช่วงปลายปี 66 ซึ่งจะกระทบต่อการขนส่งสินค้าไปยุโรป ประเทศในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

2.ราคาน้ำมันที่อาจปรับสูงขึ้น ปัจจุบันราคาน้ำมันเคลื่อนไหวแตะ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และมีความเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันจะปรับสูงขึ้นไปอีก ซึ่งจะมีผลกระทบต่อต้นทุนทางธุรกิจ แต่ก็ยังประเมินว่าไม่น่าจะแตะ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเนื่องจากเศรษฐกิจยังชะลอตัว ภาคการผลิตในประเทศสำคัญยังไม่ฟื้นเท่าที่ควรความต้องการใช้น้ำมันจึงไม่มาก

“ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากรุนแรงขยายวงกว้างก็น่ากังวลต่อการส่งออกของไทยปลายไตรมาส 2 ต่อเนื่องไปในไตรมาส 3 โดยเดือนเม.ย.และพ.ค.การส่งออกของไทยยังไปได้ดี หวังว่าสถานการณ์จะยุติโดยเร็ว อย่างไรก็ตามขณะนี้ผลกระทบยังอยู่ภูมิภาคตะวันออกกลาง แต่หากยังไม่ยุติ กลับรุนแรงขยายวงกว้าง จะกระทบต่อการส่งออกไทยในตลาดที่อยู่ใกล้เคียงได้”

สำหรับสถานการณ์ค่าระวางเรือ หลังเหตุโจมตีล่าสุด เท่าที่ตรวจสอบพบว่า ค่าระวางเรือยังคงปกติ และยังไม่ได้รับรายงานว่า มีการหยุดเดินเรือในพื้นที่ดังกล่าว รวมทั้งราคาค่าระวางเรือ แต่คงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไปเพราะไม่สามารถคาดเดาสถานการณ์ได้ ทั้งนี้สรท.ได้จับตาสถานการณ์เป็นพิเศษและประเมินเป็นระยะๆต่อไปหากมีผลกระทบก็ต้องหารือกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อหาแนวทางทางลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น