ราคาน้ำมันดิบโลก WTI ร่วง 5 เซนต์ กังวลดีมานด์หดหลังเฟดตรึงดบ.สูง
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดวันอังคาร (16 เม.ย.)ปรับตัวลง 5 เซนต์ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 5 เซนต์ หรือ 0.06% ปิดที่ 85.36 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.08% ปิด 90.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในช่วงแรกราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นเหนือระดับ 86 ดอลลาร์/บาร์เรล ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากพลโทเฮอร์ซี ฮาเลวี เสนาธิการกองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอล (IDF) ส่งสัญญาณว่า อิสราเอลจะทำการตอบโต้อิหร่าน หลังจากอิหร่านใช้โดรนและขีปนาวุธหลายร้อยตัวโจมตีอิสราเอลเมื่อช่วงค่ำวันเสาร์ที่ 13 เม.ย. ขณะที่อิหร่านประกาศว่าจะไม่ยอมอยู่เฉยหากอิสราเอลโจมตีอิหร่าน โดยอิหร่านจะตอบโต้ด้วยยุทธวิธีที่รวดเร็วกว่าและรุนแรงกว่า
ราคาน้ำมัน WTI อ่อนแรงลงในเวลาต่อมา หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าภาวะอัตราดอกเบี้ยสูงจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมัน
นายพาวเวล กล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนาซึ่งจัดขึ้นที่กรุงวอชิงตันเมื่อวานนี้ว่า "ข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ส่วนตัวเลขเงินเฟ้อนั้น แม้ว่าจะชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้เฟดมีความมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ด้วยเหตุนี้ เฟดจึงจำเป็นต้องตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่เราเคยคาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น"
ราคาน้ำมันยังถูกกดดันหลังจากสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 12 เม.ย. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.4 ล้านบาร์เรล
วอร์เรน แพทเตอร์สัน นักวิเคราะห์จากบริษัท ING Groep NV ในสิงคโปร์กล่าวว่า "ขณะนี้นักลงทุนจับตาท่าทีของอิสราเอลอย่างใกล้ชิด โดยหากอิสราเอลใช้ปฏิบัติการตอบโต้อิหร่านก็อาจจะทำให้สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางทวีความรุนแรงมากขึ้น และจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาด เนื่องจากอิหร่านเป็นสมาชิกรายใหญ่อันดับ 3 ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และสามารถผลิตน้ำมันดิบได้มากกว่า 3 ล้านบาร์เรล/วัน"
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาความเคลื่อนไหวของสหรัฐ หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวว่า สหรัฐอาจจะใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่ออิหร่านในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ เพื่อตอบโต้กรณีที่อิหร่านโจมตีอิสราเอล โดยนักลงทุนมองว่าหากสหรัฐใช้มาตรการดังกล่าวก็จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน