'ทางหลวง' ลุ้น ครม.ไฟเขียวปีนี้ PPP 'ส่วนต่อขยายโทลล์เวย์'
กรมทางหลวงลุ้น ครม. ไฟเขียว “ส่วนต่อขยายดอนเมืองโทลล์เวย์ รังสิต-บางปะอิน” 3.1 หมื่นล้านบาทภายในปีนี้ เข็นเปิด PPP ต้นปี 2568 มอบสัมปทานก่อสร้างพร้อมบริหารรวม 34 ปี ตั้งเป้าเปิดให้บริการปี 2572
นายปิยพงษ์ จิวัฒนกุลไพศาล รองอธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 5 (M5) ส่วนต่อขยายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต – บางปะอิน โดยระบุว่า ขณะนี้ทราบว่าทางกระทรวงคมนาคมได้เสนอโครงการดังกล่าวไปยังสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อรอบรรจุวาระเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ยังไม่ได้รับการพิจารณา ซึ่งอาจจะติดปัญหาเรื่องการสอบถามความคิดเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ดี คาดว่าโครงการนี้จะมีการเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ภายในปีนี้ หลังจากนั้น ทล.จะดำเนินการจ้างบริษัทที่ปรึกษาจัดทำเอกสารการประกาศประกวดราคา (RFP) และเปิดประมูลได้ภายในปี 2568 เบื้องต้นจึงคาดว่าจะลงนามสัญญาพร้อมก่อสร้างได้ภายในปี 2569 โดยโครงการจะใช้ระยะเวลาการก่อสร้าง 4 ปี มีกำหนดจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2572
สำหรับโครงการ M5 ส่วนต่อขยายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต – บางปะอิน มีระยะทาง 22 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 31,358.39 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าก่อสร้างงานโยธา ช่วงรังสิต-บางปะอิน วงเงิน 28,187 ล้านบาท ค่าก่อสร้างงานระบบและอาคารที่เกี่ยวข้อง ช่วงอนุสรณ์สถาน-รังสิต-บางปะอิน วงเงิน 1,155 ล้านบาท ค่าก่อสร้าง Rest Stop ด่านรังสิต 1 วงเงิน 7 ล้านบาท ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน วงเงิน 77 ล้านบาท เงินสำรองเผื่อเหลือเผื่อขาด วงเงิน 1,467 ล้านบาท และค่าออกแบบ-ควบคุมงานก่อสร้าง วงเงิน 462 ล้านบาท
โดยผลการศึกษารูปแบบการลงทุน จะใช้รูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP Gross Cost) ระยะเวลาสัมปทานไม่เกิน 34 ปี แบ่งเป็น ก่อสร้าง 4 ปี และบริหารโครงการ 30 ปี ขณะเดียวกันกำหนดให้มีรูปแบบกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน Build - Transfer - Operate (BTO) โดยรัฐเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รายได้ค่าธรรมเนียมผ่านทางและเป็นผู้รับความเสี่ยงด้านรายได้ดังกล่าวโดยตรง
ด้านเอกชนจะได้รับค่าตอบแทนจากการให้บริการ (Availability Payment: AP) จากภาครัฐตามเงื่อนไขที่กำหนด ประกอบด้วย ค่าก่อสร้างในอัตราคงที่เป็นระยะเวลา 15 ปี (ใช้กองทุนค่าธรรมเนียมผ่านทาง) และค่า O&M เป็นระยะเวลา 30 ปี ทั้งนี้ จะเริ่มจ่ายให้เอกชนภายหลังเริ่มเปิดให้บริการ ส่วนเอกชนต้องชำระค่าตอบแทนในส่วนของ Rest Stop ให้ภาครัฐตามที่กำหนดในสัญญา
ในส่วนของรูปแบบโครงการ จะก่อสร้างเป็นทางยกระดับตามแนวถนนพหลโยธิน 6 ช่องจราจร (ไป-กลับ) มีจุดขึ้น-ลง/จุดเชื่อมต่อ จำนวน 7 แห่ง ประกอบด้วย 1.จุดเชื่อมต่อบริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางด่านรังสิต 1 2.ด่านรังสิต 2.จุดขึ้น-ลง ด่านรังสิต 2 3.จุดขึ้น-ลง ด่านคลองหลวง 4.จุดขึ้น-ลง ด่าน ม.ธรรมศาสตร์ 5.จุดขึ้น-ลง ด่านนวนคร 6.จุดขึ้น-ลง ด่านวไลยอลงกรณ์ และ 7.จุดขึ้น-ลง ด่านประตูน้ำพระอินทร์
โดยโครงการนี้จะมีระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอัตโนมัติพิเศษแบบไม่มีไม้กั้น (Multi-lane Free Flow) หรือ M-Flow มีจุดเริ่มต้นโครงการเชื่อมต่อกับดอนเมืองโทลล์เวย์ที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน บริเวณทางแยกต่างระดับรังสิต (ประมาณ กม.33+924 ของทางหลวงหมายเลข 1 หรือถนนพหลโยธิน) และจุดสิ้นสุดโครงการอยู่ที่บริเวณทางแยกต่างระดับบางปะอิน (ประมาณ กม.1+800 ของทางหลวงหมายเลข 32 หรือถนนสายเอเชีย)
ทั้งนี้ แนวเส้นทางของโครงการยังเชื่อมต่อได้โดยตรงกับมอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา ครอบคลุมพื้นที่ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี และอำเภอบางปะอิน อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเมื่อโครงการแล้วเสร็จจะเชื่อมต่อการเดินทางจากใจกลางกรุงเทพฯ สู่พื้นที่ด้านเหนือ และบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดบนถนนพหลโยธินและถนนวิภาวดีรังสิต