‘เศรษฐา‘ นำทีมประเทศไทย MOU ฝรั่งเศสพัฒนาพลังงาน-อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ
นายกฯ ย้ำ เยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศสครั้งนี้ เป็นครึ่งวันที่สุดคุ้มค่า! เซ็นหลาย MOU นำเอกชนทำ Business Matching ในหลายมิติ เช่น พลังงานสะอาด และ อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ
16 พ.ค.2567 เวลา 15.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงปารีส ซึ่งช้ากว่ากรุงเทพฯ 5 ชั่วโมง) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงภารกิจการเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศส ซึ่งมีความคืบหน้าที่เกิดจากการเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี เมื่อเดือนมีนาคม 2567 โดยนายกรัฐมนตรีได้นำภาคเอกชนไทยมาพูดคุยธุรกิจ เพื่อสานสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องตามสัญญาที่ให้ไว้กับประธานาธิบดีมาครง รวมถึงได้มีการพูดคุยถึงความคืบหน้าทั้งในเรื่องการค้าระหว่างประเทศ การจัดทำ FTA ไทย - สหภาพยุโรป ซึ่งมีความซับซ้อน โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่าควรแยกทำ FTA บางส่วนไปก่อน เพื่อให้มีความก้าวหน้า อาทิ EV เป็นต้น
นอกจากนี้ ระหว่างงาน Thailand - France Business Forum ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ไปกล่าวปาฐกถาเมื่อช่วงเช้านี้ ได้มีการลงนามในความตกลงร่วมกันในหลาย ๆ ด้าน เช่น การผลิตเชื้อเพลิงพลังงานสะอาดแบบยั่งยืน (sustainable aviation fuel: SAF) ซึ่งถือเป็นเรื่องสําคัญที่มีการพูดคุยกันในหลายวงที่จะมีการยกระดับความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างทั้งสองประเทศ โดยงานดังกล่าวมีภาคธุรกิจรายใหญ่ในหลายสาขาสำคัญเข้าร่วมจำนวนมาก ถือว่าได้ประโยชน์อย่างมากสําหรับการมาเยือนเพียงครึ่งวัน
ในการลงนามในความตกลงด้านกลาโหม อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ซึ่งทางฝรั่งเศสมีข้อเสนอให้ไทยในหลายส่วน ทั้งเครื่องบิน รถถัง โดรน และความมั่นคงทางไซเบอร์ ซึ่งพลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ก็ได้มาร่วมพูดคุย โดยในภาพใหญ่มีการวางแผนพัฒนากองทัพ ในระยะเวลา 10 ปี ซึ่งได้มีการพูดคุยว่าฝรั่งเศสสามารถช่วยพัฒนากองทัพไทยได้ในส่วนไหนบ้าง รวมถึงในเรื่องการซ้อมรบ
ในเรื่องของพลังงานสะอาดนั้น ฝรั่งเศสมีความเชี่ยวชาญ และมีพลังงานสะอาดใช้จำนวนมาก ซึ่งไทยอยากให้ฝรั่งเศสเป็นแม่แบบในการพัฒนาแบบแผนพลังงานของไทย ซึ่งจะพูดคุยกันอีกครั้ง ในการประชุม Thailand - France Business Forum ครั้งต่อไป ในเดือนกันยายน ที่ประเทศไทย ทางฝรั่งเศสจะนำหน่วยงานด้านพลังงานสะอาดที่มีความเชี่ยวชาญ รวมถึงด้านพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งฝรั่งเศสสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัย ราคาถูก และสะอาด
“ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงครึ่งวัน ได้พูดคุยกับประธานาธิบดีมาครง 3 - 4 ชั่วโมง ซึ่งนับว่าเป็นการพูดคุยที่ได้ประโยชน์อย่างมาก นอกจากนั้น ในวันเดียวกันนี้งาน Thailand - France Business Forum ยังประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีอีกด้วย ถือว่าเป็นการใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่า และเป็นการจบภารกิจที่ฝรั่งเศสอย่างสวยงาม” นายกฯ กล่าวปิดท้าย ก่อนเดินทางต่อไปที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี