รื้อข้าว 10 ปี 1.5 หมื่นตันโครงการจำนำข้าว “ขาย ”งานนี้เพื่อใคร?
ปมร้อนข้าว 10 ปี ยังคาใจบริโภคได้ แม้ กรมวิทย์ฯการันตีข้าว 10 ปี ไร้สารปนเปื้อน มีคุณค่าโภชนาการ ด้าน “ภูมิธรรม” ขอจบดราม่า เดินหน้าประมูล คาดจบ มิ.ย.นี้ เผยอีเว้นท์โชว์กินข้าว”สุรินทร์” ใช้งบหลายแสนบาท
Key Point
- กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจข้าว 10 ปี ไร้สารปนเปื้อน
- “ภูมิธรรม” ขอจบดราม่า
- เดินหน้าประมูลข้าว 10 ปี
- คาดได้เงินจากการประมูลข้าว 200-400 ล้านบาท
- อีเว้นท์โชว์กินข้าวหมดงบหลายแสนบาท
ในที่สุดผลตรวจสอบข้าว 10 ปี ในโครงการรับจำนำข้าวสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เก็บอยู่ในโกดัง บจก.พูนผลเทรดดิ้งหลัง 4 อ.เมือง และคลังกิตติชัย หลัง 2 อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ โดยผลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ออกมาไม่พบเชื้อรามีสารอาหารครบถ้วน ไร้สารพิษ-อะฟลาท็อกซิน แต่ยังมีสิ่งแปลกปลอม เช่น มอด แมลง เมล็ดข้าวมีสีเหลือง และมีกลิ่นอับ เท่านั้น
โดยทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุว่า ได้นำตัวอย่างข้าวสาร 2 ตัวอย่างตัวอย่าง ถุงที่ 1 จำนวน 3 กิโลกรัม และถุงที่ 2 จำนวน 5 กิโลกรัม เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2567 ที่รับจากกระทรวงพาณิชย์ มาตรวจสอบด้วยระบบคุณภาพมาตรฐาน ISO/IEC 17025โดยดำเนินการตรวจใน 3 ด้าน คือด้านกายภาพและสิ่งแปลกปลอม ด้านความปลอดภัยและด้านคุณค่าโภชนาการ ไร้เชื้อรา ปลอดสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช 250 ชนิด คุณค่าโภชนาการดี แค่มีกลิ่นอับ พบมอด ซากแมลง แต่ไม่การันตีข้าว 10 ปี
แต่ก็ไม่วายมีผู้สงสัยว่า ข้าวที่นำไปตรวจมาจาก 2 คลังสินค้าจริงหรือไม่ เพราะตอนที่เอาข้าวไปตรวจสอบไม่มีการเชิญสื่อหรือผู้ที่เกี่ยวข้องไปเก็บตัวอย่างข้าวดังกล่าวแล้วนำไปให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจ เหมือนเช่นกรณีนายภูมิธรรมนำสื่อไปตรวจคลังสินค้าดังกล่าว จู่ก็ออกมาแถลงผลตรวจสอบ ทำให้เกิดความคลางแคลงใจต่อสังคม
อย่างไรก็ตามทันทีที่ผลตรวจสอบออกมา “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก็ออกมาให้ความเห็นทันทีว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มีผลตรวจสอบชัดเจนแล้วขอให้หยุดเรื่องนี้ได้แล้ว
โดยหลังจากนี้จะมีการเปิดประมูลไม่น่าเกินสิ้นเดือนพ.ค.นี้ พร้อมจะออกทีโออาร์ และเดือนมิ.ย.น่าจะประมูลจบ โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการจากหน่วยงานต่างๆเช่น องค์การคลังสินค้า องค์การตลาด กรมการค้าภายใน กรมการค้าต่างประเทศ เป็นต้น เพื่อดำเนินการปประมูล ขอยืนยันการเปิดประมูลทุกอย่างจะโปร่งใส ให้ทุกฝ่ายมีสิทธิ์เข้ามาประมูลได้ทั้งหมด
“ผมคิดว่าดราม่ามากเกินไป ควรยุติได้แล้ว เพื่อให้ประโยชน์เกิดกับประเทศดีกว่า กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการอย่างโปร่งใส ให้สื่อมวลชนเข้าไปตรวจสอบเอง อย่าตั้งข้อสงสัยจนทำให้ข้าวไทยมีปัญหา และเกิดผลกระทบต่อข้าวไทย อย่าทำลายความเชื่อมั่นของข้าวไทย”นายภูมิธรรม ระบุ พร้อมทั้งคาดว่า จะได้เงินจากการประมูล 200-300 ล้านบาท
แม้ว่าผลตรวจสอบข้าว 10 ปีจะไร้สารพิษตกค้าง แต่ก็ยังมีคำถามที่ถามกันมากก็คือ ข้าวเก่าที่เก็บในโกดังมานาน 10 ปีแบบนี้ มีใครกล้ากินหรือไม่ ซึ่งเชื่อได้ว่า ผู้บริโภคคนไทยกว่า 90 % คงตอบว่า ไม่กล้ากินแน่นอน ซึ่งรัฐบาลก็รู้ดีแก่ใจจึงเดินหน้าประมูลข้าวเก่า 10 ปี
ไม่มีใครรู้ว่า ข้าวล็อตนี้จะถูกประมูลไปแล้วจะนำมาขัดสี แล้วนำมาปะปนกับข้าวสารที่จำหน่ายในประเทศ หรือส่งออกไปยังตลาดแอฟริกา ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของการส่งออกข้าวล็อตนี้เพราะทวีปแอฟริกาที่นิยมกินข้าวเก่าเพราะราคาถูกกว่าข้าวอื่นๆ ทำให้มีเสียงเล็ดรอดกันว่า ข้าวล็อตนี้ถูกล็อกเป้าไว้แล้ว
รายงานจากวงการค้าข้าวระบุว่า ปกติการส่งออกข้าวไปต่างประเทศของไทย ข้าวที่ส่งออกนานที่สุดก็คือ ข้าว 5 ปี ยังไม่มีการส่งออกข้าว 10 ปี ครั้งนี้หากมีการประมูลแล้วส่งออก ก็จะถือว่าเป็นครั้งแรกของประเทศไทย โดยผู้ที่ประมูลได้ก่อนส่งจะมีขั้นตอนการส่งออกโดยต้องมีใบรับรองคุณภาพข้าวให้กับผู้นำข้าว ซึ่งผู้นำข้าวก็ต้องพิจารณาถึงคุณภาพว่ากินได้ไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคซึ่งหากมีปัญหาก็ต้องรับผิดชอบเช่นกัน ขณะที่ราคาขายก็ต้องเป็นราคาที่ถูกมากๆเช่นกัน
นอกจากนี้ ข้อกังขาใจต่อสังคม เหตุใดรัฐบาลยังคงให้ความสำคัญเรื่องนี้ในห้วงเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะการยกทัพสื่อกว่า 30 คน ขึ้นเครื่องไป-กลับ จ.สุรินทร์ เพื่อไปพิสูจน์ข้าว 10 ปีในโครงการรับจำนำข้าว ด้วยจำนวนข้าวเพียง 15,012 ตัน กับงบประมาณที่ต้องทุ่มไปกับเรื่องนี้เป็นจำนวนหลายแสนบาท โดยเฉพาะค่าเครื่องบินไป-กลับ ยังไม่นับรวมค่าดำเนินการเตรียมความพร้อมในการเปิดคลังสินค้าขององค์การคลังสินค้า (อคส.) เกือบ 2 แสนบาท คุ้มค่ากับงบประมาณหรือไม่ รวมทั้งใครได้ผลประโยชน์ของคลังสินค้าที่ประมูลนำข้าวออกจากคลังไปแล้ว ซึ่งหลายฝ่ายเห็นว่า กรณีเช่นนี้ควรทำแบบเงียบไม่ต้องสร้างอีเว้นท์ให้ใหญ่โตจนกลายเป็นความสงสัย”ทำ”เพื่อประโยชน์ใคร
ปมร้อนข้าว 10 ปี ยังคงไม่จบเพียงแค่ผลตรวจพิสูจน์ข้าว 10 ปีไร้สารพิษ กินได้ ขายได้ เท่านั้น เพราะยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอีก โดยเฉพาะความรู้สึกของผู้บริโภคตัดสินไปแล้ว ว่า ข้าว10 ปีมันคือ ข้าวที่กินไม่ได้ แต่รัฐบาลยังคงเดินหน้าประมูลข้าวล็อตนี้ต่อ ยิ่งทำให้เกิดคำถามว่า มีความเหมาะสมและคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหน รัฐบาลจะแบกรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆทั้งสิ้น จนทำให้กระทบความเชื่อมั่นต่อ “ข้าวไทย”ในตลาดไทยและตลาดโลก