เปิดทีโออาร์ข้าว 10 ปี อคส.เปิดประมูล 17 มิ.ย.รู้ผลผู้ชนะวันเดียวกัน
อคส. เปิดทีโออาร์ประมูลข้าว 1.5 หมื่นตันแล้ว เตรียมเปิดชี้แจงผู้สนใจ 29 พ.ค. ให้เข้าตรวจสภาพข้าว 31 พ.ค.-7 มิ.ย. และเปิดให้ยื่นประมูล 17 มิ.ย. รู้ผลผู้ชนะวันเดียวกัน
นายกฤษณรักษ์ ใจดี รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า อคส. ได้ประกาศหลักเกณฑ์การจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลเป็นการทั่วไป โดยระบายแบบเหมาคลังตามสภาพของข้าวที่เก็บรักษาที่มีอยู่จริง โดยวันที่ 29 พ.ค.2567 จะเปิดชี้แจงทีโออาร์ให้ผู้สนใจประมูลได้รับทราบ วันที่ 31 พ.ค.-7 มิ.ย.2567
เปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมประมูลเข้าตรวจสอบข้าวในโกดัง วันที่ 10 มิ.ย.2567 เปิดให้ผู้ที่สนใจยื่นซองคุณสมบัติในการเข้าร่วมประมูล วันที่ 13 มิ.ย.2567 ประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านคุณสมบัติ และวันที่ 17 มิ.ย. เปิดให้ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติยื่นซองเสนอราคา เปิดซอง เจรจาต่อรอง และคาดจะประกาศผู้เสนอราคาสูงสุดได้ในวันเดียวกัน และจะต้องมาทำสัญญากับ อคส. ภายใน 15 วันหลังจากที่ได้รับแจ้ง
สำหรับทีโออาร์ อคส. เรื่อง การจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 1/2567 เพื่อเปิดประมูลข้าวข้าวหอมมะลิในสต๊อกรัฐบาลที่เก็บมานาน 10 ปี จากโครงการรับจำนำข้าวสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำนวน 15,000 ตัน
โดยอคส.ได้ออกประกาศให้ผู้ซื้อข้าวได้เสนอซื้อด้วยการยื่นชองประมูล แบบเหมาคลังตามสภาพของข้าวที่เก็บรักษาที่มีอยู่จริง ซึ่งจะกำหนดวัน ยื่นซองเอกสารคุณสมบัติ ณ ห้องประชุมมโนปกรณ์นิติธาดา ชั้น 12 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในวันที่ 10 มิ.ย.2567 เวลา 09.00 น. ถึง 12.00 น.
อคส. จะตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้เสนอซื้อและจะประกาศรายชื่อ ผู้เสนอซื้อที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ในวันที่ 13 มิ.ย. 2567 เวลา 19.00 น. ซึ่งผู้เสนอซื้อที่มีคุณสมบัติครบถ้วน สามารถยื่นของเสนอซื้อได้ในวันที่ 17 มิ.ย. 2567 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึง 12.00 น. ณ ห้องมโนปกรณ์นิติธาดา ชั้น 2 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
ทั้งนี้ใน TOR ได้กำหนดให้ผู้ยื่นซองเข้าประมูลขอเข้าดูตัวอย่างข้าวก่อนยื่นของเสนอซื้อ ได้ที่คลังสินค้าแต่ละแห่ง ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 ถึงวันที่ 7 มิ.ย. 2567 ยกเว้นวันที่ 3 มิ.ย.2567 ระหว่าง เวลา 09.00 น. ถึง 12.00 น.
โดยในเงื่อนไข TOR ข้อ 4.2 ระบุว่า ให้ผู้ประมูลดูตัวอย่างข้าวทางกายภาพด้วยสายตาเพื่อประกอบการพิจารณาเสนอราคา ซื้อข้าวในคลังสินค้าเท่านั้น ไม่อนุญาตให้นำตัวอย่างข้าวออกนอกคลังสินค้า หรือดำเนินการตรวจสอบด้วยวิธีอื่ใดกับข้าวในคลังสินค้า
ทั้งนี้ องค์การคลังสินค้าขอสงวนสิทธิ์ในการเปิด - ปิดคลังสินค้าตามความเหมาะสม ใน TOR ยังระบุว่า ในการเสนอซื้อต้องเสนอซื้อตามมูลค่า ณ หน้าคลังสินค้าที่ขอซื้อ (Ex-warehouse) เป็นสกุลเงินบาทไทยโดยผู้ยื่นซองเสนอซื้อจะต้องมีหลักประกันเป็นหนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคาร (Bank Guarantee) หรือตั๋วแลกเงิน (DRAFT) หรือเช็คธนาคาร (CASHIER'S CHEQUE) ที่ออกโดยธนาคารที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น สั่งจากองค์การคลังสินค้าในอัตรา 2 %ของมูลค่าสินค้าที่ยื่นเสนอซื้อ โดยไม่รับหลักประกันเป็นเงินสด
โดยผู้ยื่นซองเสนอซื้อต้องยืนราคาที่เสนอซื้อเป็นเวลา 90 วันทำการ นับแต่วันที่ยื่นซองเสนอซื้อกรณีที่ผู้เสนอซื้อหลายรายประสงค์จะรวมกันเสนอซื้อในคลังสินค้าเดียวกันให้ผู้เสนอซื้อแต่ละรายทำหนังสือมอบอำนาจให้ผู้ยื่นซองเสนอซื้อหรือผู้แทนของผู้ยื่นซองเสนอซื้อเพียง 1 ราย เป็นผู้แทนในการดำเนินการยื่นซองเสนอซื้อและทำสัญญา โดยต้องระบุชนิดข้าว ปริมาณ และคลังสินค้าที่จะรับมอบในหนังสือมอบอำนาจให้ชัดเจน รวมทั้ง (ต้องระบุข้อความว่าผู้เสนอซื้อทุกราย) จะต้องรับผิดต่อการดำเนินการตามสัญญาซื้อขายจนเสร็จสิ้นในทุกขั้นตอน
ขณะที่การเปิดซองเสนอซื้อ จะดำเนินการ ณ ห้องประชุมมโนปกรณ์นิติธาดา ขั้น 12 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในวันที่ 17 มิ.ย. 2567 ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป
กรณีผู้ชนะการประมูลไม่เข้าทำสัญญา หรือทำสัญญาแล้วไม่ปฏิบัติตามสัญญา หรือปฏิบัติผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใด องค์การคลังสินค้าจะบอกเลิกสัญญา คณะทำงานรับ-เปิดซองและต่อรองราคาข้าวในสต็อกของรัฐจะเจรจาต่อรองกับผู้เสนอซื้อสูงสุดในลำดับถัดไป โดยให้แจ้งยืนยันราคาเป็นลายลักษณ์อักษรและให้สิทธิเข้าทำสัญญาภายในระยะเวลาที่กำหนด
และผู้ละทิ้งสัญญาต้องชดใช้ค่าเสียหาย จากส่วนต่างระหว่างราคาที่เสนอซื้อกับราคาที่จำหน่ายได้ให้กับองค์การคลังสินค้า ทั้งนี้หากยังไม่ได้ผู้ซื้อ องค์การคลังสินค้าจะใช้หลักเกณฑ์นี้จนกว่าจะจำหน่ายข้าวในคลังสินค้าเสร็จสิ้น
สำหรับคุณสมบัติผู้สมัครนั้น ต้องเป็นบุคคลธรรมดา - นิติบุคคล - รัฐวิสาหกิจ - สหกรณ์ ทั้งนี้กลุ่มผู้มีคุณสมบัติอาจถูกพิจารณาให้เป็นผู้ขาดคุณสมบัติได้ หากมีพฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
- ละทิ้งการเสนอซื้อและ/หรือละทิ้งสัญญาซื้อขายข้าว
- มีพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นหรือทำให้เชื่อว่ามีการกระทำความผิดหรือพยายามกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542
- กระทำการใด ๆ ที่เป็นผลเสียหายแก่ทางราชการหรือการค้าระหว่างประเทศ หรือเคยมีประวัติเป็นผู้ถูกชี้มูลความผิดจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.
- มีข้อมูลหรือหลักฐานมีความสัมพันธ์กับนิติบุคคลหรือกรรมการของบริษัทฯ หรือหุ้นส่วนของห้างหุ้นส่วน
- ค้างชำระค่าปรับ ค่าใช้จ่าย ค่าเสียหายใด ๆ หรือมีข้อพิพาทฟ้องร้องดำเนินคดีกับ อคส.
ทั้งนี้ หากพบภายหลังว่าผู้เสนอซื้อรายใดขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามอย่างใดอย่างหนึ่งตามข้อ 1-5 ให้ถือว่าผู้เสนอซื้อรายนั้นขาดคุณสมบัติ
สำหรับข้าวที่นำมาประมูล มีปริมาณ 15,000 ตัน แยกเป็น 1.คลังกิตติชัย หลัง 2 (ข้าวหอมมะลิ 100%) รวม 26,094 ตัน หรือ 258,106 กระสอบจาก 24 โรงสี และได้ระบายข้าวสารแล้ว 3 ครั้ง คงเหลือ 11,656 ตัน หรือ 112,711 กระสอบ 2.คลัง บจก.พูนผลเทรดดิ้ง หลัง 4 (ข้าวหอมมะลิ 100%) ปริมาณ 9,567 ตัน หรือ 94,637 กระสอบ ซึ่งระบายข้าวสารแล้ว 4 ครั้ง คงเหลือ 3,356 ตัน หรือ 32,879 กระสอบ