กกร. ห่วงการค้าโลก - ส่งออกชะลอตัว ฉุดเศรษฐกิจไทย ดันยอดปิดโรงงานเพิ่ม
กกร. ห่วงการค้าโลก - ส่งออกชะลอตัว ฉุดเศรษฐกิจไทย ดัชนี MPI พลิกบวก มาจากการตุนสินค้า หวั่นความไม่มั่นใจเสถียรภาพทางการเมือง "ค่าแรงขั้นต่ำ - ราคาพลังงานที่ปรับขึ้น" กระทบโรงงานปิดเพิ่มจาก 1,700 โรงงานที่ปิดไปแล้ว หนุนเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ดึงท่องเที่ยวเพิ่ม
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) โดยมี นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมในการแถลงข่าว
นายผยง กล่าวว่า การค้าโลก และปริมาณการส่งออกชะลอตัวชัดขึ้น ปริมาณการส่งออกของโลกชะลอตัวต่อเนื่อง ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมของประเทศสำคัญยังฟื้นตัวได้ช้า นอกจากนี้สงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนมีแนวโน้มกลับมารุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะมาตรการขึ้นภาษีรอบล่าสุดของสหรัฐต่อสินค้ากลุ่มรถยนต์ EV โซลาร์เซลล์ เซมิคอนดักเตอร์ เป็นต้น โดยมีกำหนดบังคับใช้ภายในปีนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบเพิ่มเติมต่อการค้าโลก ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย และประเทศในกลุ่มอาเซียนที่ถูกสหรัฐ มองว่าจีนใช้เป็นฐานการผลิต
นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า โดยเศรษฐกิจไตรมาสที่ 1/2567 เติบโต 1.5% ขยายตัวชะลอลงจากไตรมาสก่อนจากการหดตัวของการส่งออก และการใช้จ่ายของภาครัฐ ขณะที่ในระยะข้างหน้าเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มฟื้นตัวได้จำกัด เนื่องจากการส่งออกฟื้นตัวได้ช้าตามการค้าโลกที่ชะลอตัว และปัญหาเอลนีโญ (ฝนแล้ง) ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ผลผลิตการเกษตรลดลง ส่วนการใช้จ่ายของครัวเรือนได้รับผลกระทบจากหนี้ครัวเรือนในระดับสูง ทั้งปี กกร. คาดว่าจีดีพีจะเติบโตได้เพียง 2.2-2.7%
ทั้งนี้ ที่ประชุม กกร. ได้มีการหารือในประเด็นสำคัญเพิ่มเติม ดังนี้
1. กกร.เห็นด้วย และขอบคุณรัฐบาลที่ได้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น จากการประชุม ครม. เศรษฐกิจ ทั้งมาตรการเพิ่มการท่องเที่ยวช่วง Low-season ที่เชื่อว่าจะช่วยกระจายรายได้ไปทั่วประเทศ รวมถึงการเสนอมาตรการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. วงเงินประมาณ 5 หมื่นล้านบาทที่เตรียมนำเสนอ ครม.นั้น จะส่งผลดีต่อเนื่องไปยังการลงทุน การจ้างงาน และการบริโภค
โดยคาดว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจประมาณ 2 แสนล้านบาท ทั้งนี้ กกร. พร้อมเข้าไปมีส่วนช่วยคัดกรอง และรับรองเอสเอ็มอี ที่มีศักยภาพ ให้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ที่ประชุม กกร. ได้เสนอให้ภาครัฐมีมาตรการเพิ่มเติมในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของเอสเอ็มอีรวมถึงมาตรการสนับสนุนให้เอสเอ็มอีเข้ามาอยู่ในระบบเศรษฐกิจ เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นระยะเวลา 5-7 ปี เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเวลาปรับตัว และเข้ามาอยู่ในระบบมากขึ้น
2. กกร.อยู่ระหว่างหารือกับภาครัฐเกี่ยวกับแนวทางการปรับค่าแรงขั้นต่ำให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ ผลิตคุณภาพแรงงาน (Labor Productivity) และดำเนินการตามกรอบกฎหมาย ตามข้อเสนอของภาคเอกชนในประเด็นที่ได้นำเสนอรัฐบาลไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยแต่ละพื้นที่จะประสานผ่าน กกร.จังหวัดให้มีการหารือร่วมกับคณะอนุกรรมการค่าจ้างขั้นต่ำรายจังหวัด (ไตรภาคี) ต่อไป
3. ที่ประชุม กกร.มีความกังวลต่อภาคการส่งออกสินค้าที่ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ที่มีแนวโน้มกลับมารุนแรงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกสินค้าของจีนไปยังสหรัฐ ทำให้จีนต้องหาตลาดใหม่ทดแทนเพื่อส่งออกสินค้า ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงเพิ่มเติมต่อการส่งออกสินค้าของไทยที่อยู่ในภาวะชะลอตัวต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ภาคการส่งออกยังมีปัจจัยกดดันจากต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้นจากการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ที่หมุนเวียนไม่ทันเนื่องจากระยะเวลาขนส่งที่นานขึ้น ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของภาคส่งออก และส่งเสริมสินค้าที่มีศักยภาพ ในอุตสาหกรรมเป้าหมายให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุดเพื่อเพิ่มมูลค่าในการส่งออกของประเทศ
เกรียงไกร กล่าวว่า ถ้าภาษีที่สหรัฐประกาศมีผลบังคับใช้เป็น 102.5% หรือหากโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดี จะปรับถึง 200% จะทำให้สินค้านำเข้าเยอะขึ้น จีนต้องหาตลาดใหม่โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอีวี คือ กลุ่ม เซาท์อีสเอเชีย และเอเชีย จึงมีการย้ายไปลงทุนในประเทศใกล้เคียงสหรัฐ คือ เม็กซิโก และไปลงทุนฝั่งยุโรปในฮังการี ซึ่งจะกลายเป็นฐานการผลิตEVชั้นนำในยุโรปต่อไป
นอกจากนี้ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีโรงงานปิดไปแล้ว 1,700 โรงงาน พนักงานตกงานจำนวนมาก เป็นการย้ายฐานการผลิต และการรวมการผลิตส่วนอื่นๆ เข้าด้วยกัน เสมือนปรับพอร์ตการลงทุนของแต่ละประเทศให้เหมาะสม ตอนนี้มาเลเซียมียอดส่งออกมากกว่าไทยหลายเท่า แต่ตัวเลขที่น่าจับตา คือ FDI ไทยจึงต้องรีบปรับโครงสร้างการลงทุนใหม่ เช่น สมาร์ตอิเล็กทรอนิกส์ คลาวด์เซอร์วิส
นอกจากนี้ จะเห็นได้ชัดว่า แนวโน้มขีดความสามารถทางการแข่งขันประเทศไทยโดยรวมไม่ดี ดัชนี MPI ติดลบ 18 เดือนติดต่อกัน แม้จะพลิกเป็นบวกเมื่อเดือนเม.ย.2567 ที่ผ่านมา เพราะมีการซื้อของตุนจึงเป็นบวก จึงไม่สามารถบอกได้ว่าตลอดทั้งปีจะไปได้ดีเท่าไร ท้ายสุดกลับมาที่ปัญหาเดิมว่าสินค้าปัจจุบันเป็นสินค้าที่โลกต้องการหรือไม่
"ตอนนี้ที่กังวลจะมีเรื่องค่าแรง และราคาดีเซล เพราะต้นทุนน้ำมันยิ่งสูงก็ส่งผลต้นทุนโดยเฉพาะภาคขนส่งที่ปัจจุบันอยู่ที่ 15% ซึ่งเดิมกำหนดไว้ที่ 30 บาทต่อลิตร ขึ้นมา 33 บาทต่อลิตร ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นอีก 10% และหากขึ้นที่ 35 บาทต่อลิตร ก็เป็น 18% ภาคธุรกิจต้องปรับราคาสินค้า และเมื่อค่าครองชีพยิ่งสูงก็จะทำให้ไม่มีกำลังซื้อ รัฐบาลจึงต้องหาตรงกลางที่เหมาะสม" นายเกรียงไกร กล่าว
นายเกรียงไกร กล่าวว่า สำหรับนโยบายการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์) ถือเป็นนโยบายที่ประกาศไปแล้ว เอกชนเองมองว่าประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีจุดแข็งคือ ภาคท่องเที่ยว จะทำอย่างไรให้คนกลับมาท่องเที่ยวเยอะขึ้น แล้วจะต้องมีการใช้จ่ายต่อคนต่อหัวมากขึ้นจากปัจจุบัน 4 หมื่นบาทต่อคน เป็น 5 หมื่นบาทต่อคน
ดังนั้น ส่วนตัวมองว่า เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ที่อาจมีกาสิโนจะเป็นจุดขายที่จะเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวทั้งไทย และต่างชาติ และจะมีเพิ่มอีกกลุ่มคือ เชิงแสวงโชค
"นักแสวงโชคไทยจำนวนไม่น้อยที่ข้ามไปแสวงโชคชายแดน หากมาทำในไทยก็ควบคุมให้มีระบบที่ดี ก็จะครบถ้วนได้นักท่องเที่ยวที่มาในไทยที่หลากหลายมากขึ้น" นายเกรียงไกร กล่าว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์