จับเทรนด์ผู้บริโภคไม่หยุดสวย" ดัน"ตลาดเครื่องสำอางโลก"โตต่อเนื่อง
ส่องอุตสาหกรรมเครื่องสำอางโลกขยายตัวต่อเนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคที่ไม่หยุดที่จะรักสวยรักงาม ขณะที่ไทย ปี 65 ส่งออกเครื่องสำอางเฉลี่ยปีละ 7-8 หมื่นล้านบาท
KEY
POINTS
Key Point
- ฝรั่งเศส ส่งออกเครื่องสำอางเป็นอันดับ 1 ของโลกในปี 2022
- เครื่องสำอางสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้สหราชอาณาจักร 2.45 หมื่นล้านปอนด์ ในปี 2022
- ในปี 2024 ตลาดผลิตภัณฑ์ เพื่อความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายของสหรัฐ จะมีมูลค่ากว่า 9.37 หมื่นล้านดอลลาร์ และคาดปี 2029 เพิ่มขึ้น เป็น 1.07 แสนล้านดอลลาร์
- ไทยส่งออกสินค้าเครื่องสำอางและความงามเฉลี่ยปีละ 7-8 หมื่นล้านบาท
ไม่ว่าโลกจะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่ทำให้คนลดการดูแลความสวย ความงาม ส่งผลให้อุตสาหกรรมเครื่องสำอางยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประเทศฝรั่งเศสถือเป็นประเทศชั้นนำของโลกในเรื่องของอุตสาหกรรมความงาม โดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ ได้รายงานข้อมูลอุตสาหกรรมเครื่องสำอางของประเทศที่เป็นผู้นำด้านเครื่องสำอาง
ประเทศ “ฝรั่งเศส” เป็นประเทศที่มีแบรนด์เครื่องสำอางโดดเด่นและมีชื่อเสียงอย่างมากโดยในปี 2022 ฝรั่งเศสเป็นผู้ส่งออก เครื่องสำอางอันดับ 1 ของโลก มูลค่า1.07 หมื่นล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วน 15.6 % ของส่วนแบ่งตลาดโลก ซึ่งฝรั่งเศสมีการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีการจัดตั้ง Cosmetic Valley ตั้งแต่ปี 1994 จากเงินลงทุนร่วมกันระหว่างเอกชนและ ภาครัฐที่เป็นสมาคมผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์ น้ำหอม และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ
โดยมีสมาชิกในรูปแบบโรงงาน เครื่องสำอาง ธุรกิจผู้ผลิตวัตถุดิบ และหน่วยงานวิจัย วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาธุรกิจ มุ่งเน้นให้เกิดการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ และร่วมกันพัฒนาตลาดส่งออก ปัจจุบัน CosmeticValley มีสมาชิกกว่า 6,300 แห่ง โดยเป็น SME ประมาณ 85 % มีการจ้างงานกว่า 226,000 ตำแหน่ง และมูลค่าการซื้อขายกว่า 7.1 หมื่นล้านยูโร
“สหราชอาณาจักร” อุตสาหกรรมเครื่องสำอางมีส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับ อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ศิลปะและความบันเทิง โดยในปี 2022 ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและเครื่องสำอางค์(Beauty and Personal CareIndustry) สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับสหราชอาณาจักรประมาณ 2.45 หมื่นล้านปอนด์
“สหรัฐ” เป็นประเทศที่มีตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลก จากข้อมูลของ Mordor Intelligence ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการธุรกิจ ในปี 2024 ตลาดผลิตภัณฑ์ เพื่อความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายของสหรัฐ จะมีมูลค่ากว่า 9.37 หมื่นล้านดอลลาร์ และมีโอกาสเพิ่มขึ้น เป็น 1.07 แสนล้านดอลลาร์ ภายในในปี 2029
“อินเดีย” ในปี 2023 ตลาดเครื่องสำอางอินเดียมีมูลค่า 8.1 พันล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะสูงถึง 18.4 พันล้านดอลาร์ภายในปี 2032 ด้วยอัตราการเติบโต 3.2 % ต่อปี ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่สนับสนุนการเติบโต คือ ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์สินค้าออร์แกนิค สมุนไพร และอายุรเวทเพิ่มมากขึ้น
จากรายงานของบริษัทวิจัย BMI เมื่อเดือนก.ย. 2023 พบว่า ตลาดผู้บริโภคของอินเดียจะเติบโตจนกลายเป็น อันดับ 3 ของโลก ภายในปี 2027 เนื่องจำนวนและรายได้ของคนชั้นกลางของอินเดียมีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้เริ่มหันมาดูแลสุขภาพความงามมากขึ้น อินเดียจึงเป็นตลาดที่เป็นโอกาสำหรับสินค้าด้านความงาม
ขณะที่ “ไทย”เป็นหนึ่งในตลาดธุรกิจผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในปี 2022 ตลาดสินค้าความงามของไทยมีมูลค่ากว่า 2.46 แสนล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าส่งออกคิดเป็น 28 % ของการผลิตในประเทศ โดยประเทศส่งออกสำคัญ อาทิ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม
ทั้งนี้ คาดว่า ปี 2024 ตลาดสินค้าและความงามของไทย จะมีอัตราการเติบโตประมาณ 9-9.3 % ขณะที่การส่งออกเครื่องสำอางเป็นอีกหนึ่งสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยที่สร้างรายได้เข้าประเทศเฉลี่ยปีละ 7-8 หมื่นล้านบาท และอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในไทยถือเป็นเป็น 1 ใน 5 อุตสาหกรรมสำคัญที่ช่วยเพิ่มจีดีพีให้ประเทศไทย
โดย "เครื่องสำอาง แบรนด์ไทย" เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ เช่น Mistine Srichand และ 4U2 เนื่องจากราคาที่จับต้องได้ มีการใช้นวัตกรรมใหม่ และบรรจุภัณฑ์น่าสนใจ รวมทั้ง ผู้บริโภคยังนิยม ใช้เครื่องสำอางค์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติมากขึ้นทำให้ไทยมีข้อได้เปรียบมากขึ้น
นอกจากนี้ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เอื้ออำนวยทำให้มีความหลายขงสมุนไพรที่สามารถนำมาต่อยอดได้ ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ตลาดเครื่องสำอางค์ไทยจะเติบโตจากฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ สมาคมเครื่องสำอางค์ไทย ยังได้มุ่งหวังให้รัฐบาลเร่งผลักดันเครื่องสำอางค์ไทยให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ในอนาคตด้วย
“พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ “ผู้อํานวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สนค. ได้ติดตามสถานการณ์และแนวโน้มของสินค้าเพื่อความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย (Beauty & Personal Care) อาทิ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก หัวน้ำหอม และน้ำหอม พบว่า เป็นสินค้าที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยในปี 2565 ตลาดค้าปลีกเครื่องสำอาง (Colour Cosmetics) ภายในประเทศ คาดว่าจะมีมูลค่า 811.2 ล้านดอลลาร์หรือ25,953.6 ล้านบาท ขยายตัว 12.1 % จากปีก่อนหน้า และปี 2566 คาดว่าจะมีมูลค่าถึง 895.5 ล้านดอลลาร์หรือ 28,651.2 ล้านบาทขยายตัว 10.4% จากปีก่อนหน้า (ที่มา: Euromonitor International)
“ตลาดสินค้าเพื่อความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายเป็นตลาดที่น่าสนใจและยังมีช่องว่างที่จะเติบโตอีกมาก ผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพในการผลิต และมีโรงงานที่รับจ้างผลิตให้แบรนด์ดังระดับสากล (OEM) นอกจากนี้ ไทยยังมีจุดเด่นด้านการมีวัตถุดิบสมุนไพร ซึ่งสามารถสกัดเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ “นายพูนพงษ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตและผู้ประกอบไทยต้องให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาสินค้าด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม และการมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือ รวมถึงการพัฒนาแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จักและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป อาทิ การให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน และการใช้เทคโนโลยีสำหรับสื่อสารทางการตลาดเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้แก่ผู้บริโภค
ตลาดความงามจึงเป็นตลาดที่น่าจับตามอง เพราะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการผลิตเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ ตราบใดที่ผู้บริโภคยังไม่หยุดที่จะรักสวยรักงาม