‘พิชัย’ นั่งหัวโต๊ะ สั่งทุกหน่วยงานเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนปี 67 ให้ได้ 70%
“พิชัย” สั่งทุกหน่วยงานเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนปีงบ 67 ถึงเป้า 70% เร่งเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ กรมบัญชีกลางเผยเบิกจ่ายงบลงทุนแล้วกว่า 38.6% เร่งหน่วยงานที่ยังต่ำกว่าเป้ารายงานกลับใน 1 สัปดาห์
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ในฐานะประธานการประชุม ว่า ได้เรียกกรมบัญชีกลาง, สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สศค.) และกระทรวงที่เกี่ยวข้องกว่า 20 กระทรวง เข้ามาหารือ เพื่อติดตามผลการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ
โดยเน้นย้ำ 3 เรื่อง ได้แก่ ติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณ การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ และโครงการใหม่ที่ใช้งบประมาณผ่านเงินกู้
“เบื้องต้นได้รับรายงานว่า ปัจจุบันส่วนราชการมีการเบิกจ่ายงบลงทุนแล้วเกือบ 40% โดยเป้าหมายของกรมบัญชีกลางอยู่ที่ 21% ซึ่งหากไม่ทำอะไรเลยก็จะได้ตามเป้าหมายเท่านั้น ดังนั้นการมีมาตรการเร่งรัดจะเป็นข้อดีที่ทำให้มีเม็ดเงินลงสู่เศรษฐกิจได้มากขึ้น โดยมีเป้าหมายว่าอยากให้สามารถเร่งรัดการเบิกจ่ายในปีงบประมาณ 2567 นี้ให้ได้ไม่น้อยกว่า 70% ในขณะที่ส่วนราชการยังเหลือเวลาทำงานอยู่ 3-4 เดือน”
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้หารือถึงปัญหาติดขัดที่ส่งผลให้การเบิกจ่ายอาจมีความล่าช้า เช่น การร้องเรียน การอุทธรณ์ผลการจัดซื้อจัดจ้าง จึงได้สั่งการให้กรมบัญชีกลางเข้ามาดูแลในเรื่องนี้ เพื่อลดปัญหาดังกล่าว ให้มีการเดินหน้าการเบิกจ่ายได้ อย่างไรก็ตาม การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ จะต้องยึดหลักความถูกต้อง เหมาะสม และมีความโปร่งใส ชัดเจน เป็นไปตามกฎหมาย
“ต้องยอมรับว่ากระทรวงหรือส่วนราชการแต่ละแห่งต้องใช้งบประมาณต่างกัน บางแห่งต้องใช้งบประมาณครอบคลุมทั้งประเทศ เช่น กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นโครงการที่มีการใช้งบประมาณมูลค่าหลักหมื่นล้านบาท ที่กระจายไปทั่วประเทศ นั่นหมายความว่า โครงการก็มีจำนวนมาก ดังนั้นโครงการที่ติดขัดก็ต้องมีการประสานงานกับท้องถิ่นด้วย ทั้งนี้ งบประมาณ 2567 มีผลบังคับใช้ล่าช้า จึงได้ขอให้ส่วนราชการเร่งรัดการเบิกจ่ายให้เร็วที่สุด“
นางแพตริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการเบิกจ่ายงบลงทุนที่ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยกรมบัญชีกลางกำหนดว่าในไตรมาส 3 ของปีงบประมาณ 2567 ต้องมีการเบิกจ่ายที่ 21% โดยรัฐมนตรีได้สั่งการให้แต่ละกระทรวงชี้แจงสาเหตุการเบิกจ่ายล่าช้า รวมทั้งกำหนดให้จัดทำแผนงานคาดว่าจะมีการผูกพันและเบิกจ่ายได้มากน้อยเพียงใด
“ภาพรวมการเบิกจ่ายงบลงทุนของประเทศอยู่ที่ 8.5 แสนล้านบาท กรมบัญชีกลางกำหนดเป้าหมายการเบิกจ่ายไม่ต่ำกว่า 21% แต่ปัจจุบันสามารถเบิกจ่ายได้สูงกว่าเป้าหมาย ซึ่งอยู่ที่ 38.6% โดยเม็ดเงินที่ลงสู่ระบบเศรษฐกิจสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เยอะ อย่างไรก็ตาม ยังมีหน่วยงานที่ยังเบิกจ่ายล่าช้าอยู่ ในที่ประชุมก็มีการเร่งรัดในส่วนนี้”
ทั้งนี้ การเร่งรัดการเบิกจ่ายขณะนี้จะให้ความสำคัญกับส่วนราชการ และกลุ่มจังหวัดต่างๆ ที่ยังไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมาย ส่วนใหญ่กระทรวงที่ยังเบิกจ่ายไม่เป็นไปตามเป้าหมายมีอยู่ ประมาณ 10 กระทรวง โดยที่ประชุมให้ความสำคัญกับกระทรวงใหญ่ ที่มีโครงการใช้งบประมาณเกิน 1 หมื่นล้านบาทขึ้นไป
โดยสั่งการให้กระทรวงเหล่านั้นกลับไปทำการบ้าน เพื่อมารายงานกรมบัญชีกลางภายใน 1 สัปดาห์ โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย ที่กำกับกลุ่มจังหวัดทั้งหมด ขอให้กำชับและเร่งรัดการเบิกจ่าย
“ส่วนใหญ่กระทรวงเหล่านี้ ยังอยู่ระหว่างกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง และยังไม่มีการลงนามสัญญา หรือบางกลุ่มจะมีปัญหาเข้าพื้นที่ไม่ได้ หรือมีการเปลี่ยนแปลงโครงการที่ขออนุมัติจากสำนักงบประมาณ และส่วนใหญ่ก็ยังมีปัญหาการติดตามผู้ว่าจ้างล่าช้า เป็นต้น ที่ประชุมจึงขอให้กระทรวงเจ้าสังกัดทั้งหลายไปเร่งรัดการเบิกจ่ายหน่วยงานที่กำกับ เพื่อให้การเบิกจ่ายเป็นไปตามเป้าหมาย”
นายธิบดี วัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า เป้าหมายการเบิกจ่ายรัฐวิสาหกิจ ในปีงบประมาณ 2567 อยู่ที่ 2.57 แสนล้านบาท โดยสคร. วางเป้าหมายให้เบิกจ่ายได้ไม่น้อยกว่า 95% ปัจจุบัน ณ เดือนพ.ค.67 รัฐวิสาหกิจสามารถเบิกจ่ายได้แล้ว 51% สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 38%
“ในที่ประชุมนายพิชัยได้เร่งให้รัฐวิสาหกิจทุกหน่วยงาน รวมทั้งกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกระทรวงสำคัญ ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน และกระคมนาคม ซึ่งเมื่อรวมทั้ง 3 กระทรวง จะมีผลเบิกจ่ายรวม 88% ของงบลงทุนรัฐวิสาหกิจทั้งหมด”