รวมมิตรเกร็ดน่ารู้ก่อนเปิดดู ‘ยูโร 2024’ คืนนี้!

รวมมิตรเกร็ดน่ารู้ก่อนเปิดดู ‘ยูโร 2024’ คืนนี้!

ฟุตบอล ยูโร 2024 (กำลังจะ) เริ่มแล้ว โดยที่นับจากนี้ไปอีก 1 เดือนจะเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนได้ลุ้นสนุกและติดตามเชียร์มหกรรมลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุโรป โดยที่ถึงจะมีศักดิ์ศรีเป็นรองเพียงแค่ฟุตบอลโลกรายการเดียวแต่ก็ว่ากันว่าแทบจะไม่ต่างอะไรจากฟุตบอลโลกด้วยซ้ำ

KEY

POINTS

KEYPOINTS

  • เป็นครั้งแรกสำหรับเยอรมนีในการเป็นเจ้าภาพในฐานะประเทศเยอรมนี เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาเคยได้เป็นเจ้าภาพมาแล้วครั้งหนึ่งในปี 1988 แต่ขณะนั้นยังมีการแบ่งประเทศอยู่และชาติที่เป็นเจ้าภาพคือเยอรมนีตะวันตก
  • ยูโร 2024 ครั้งนี้เจ้าภาพประกาศชัดเลยว่าจะเป็น “ยูโรสีเขียว” ในฐานะการแข่งขันรายการแรกที่มุ่งเน้นเรื่องของการรักษ์โลกอย่างเป็นรูปธรรม โดยเยอรมนีและยูเอฟา มีมาตรการหลายอย่างเพื่อควบคุมให้เกิดมลพิษน้อยที่สุด
  • เบียร์ที่ได้เป็น “Official Beer partner” ไม่ใช่แบรนด์ดังที่คนรู้จักกันทั่วโลก แต่เป็นแบรนด์ท้องถิ่นอย่าง Bitburger ที่จะได้วางจำหน่ายในสนามแข่งขัน รวมถึงแฟนโซน ซึ่งจะมีเครื่องดื่มทั้งแบบสีเหลืองอำพัน หรือเครื่องดื่มธรรมดาให้ได้ดื่มกัน
  • จากเงินรางวัลรวม 331 ล้านยูโร เงินรางวัลสูงสุดที่ทีมหนึ่งจะได้ในการแข่งครั้งนี้กรณีชนะหมดทุกนัดตั้งแต่รอบแรกคือ 28.25 ล้านยูโร หรือ 1.13 พันล้านบาท

มหกรรมกีฬา ยูโร 2024 แบบนี้ย่อมมีเรื่องมีราวที่ทั้งน่าสนใจและน่าสนุกให้ติดตามกันอย่างมากมาย ที่มากกว่าแค่ใครเต็งแชมป์ ใครจะเป็นดาวเด่นสำหรับรายการในปีนี้

ไม่ให้เสียเวลา มาลองดูกันว่ามีเรื่องไหนที่คุณรู้แล้วและเรื่องไหนบ้างที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน

เจ้าภาพฟุตบอลยูโรสมัยแรกของเยอรมนี

ฟุตบอลยูโร ครั้งนี้เป็นการแข่งขันครั้งที่ 17 แล้ว นับจากที่เริ่มต้นการแข่งขันกันครั้งแรกในปี 1960 ที่ประเทศฝรั่งเศส ที่มีจำนวนทีมเข้าร่วมเพียงแค่ 4 ทีม

สำหรับยูโร 2024 มีจำนวนทีมที่เข้าร่วมทั้งหมด 24 ทีมด้วยกัน ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 ที่มีจำนวนทีมขนาดนี้ (ครั้งแรกคือฟุตบอลยูโร 2016 ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพเหมือนกัน) โดย เจ้าภาพฟุตบอลยูโร 2024 คราวนี้คือประเทศเยอรมนี

รวมมิตรเกร็ดน่ารู้ก่อนเปิดดู ‘ยูโร 2024’ คืนนี้!

สิ่งที่น่าสนใจคือนี่เป็นครั้งแรกสำหรับเยอรมนีในการเป็นเจ้าภาพในฐานะประเทศเยอรมนี เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาเคยได้เป็นเจ้าภาพมาแล้วครั้งหนึ่งในปี 1988 แต่ขณะนั้นยังมีการแบ่งประเทศอยู่และชาติที่เป็นเจ้าภาพคือเยอรมนีตะวันตก

แชมป์เก่าฟุตบอลยูโรอยู่พร้อมหน้า

หนึ่งในเกร็ดที่น่าสนใจคือฟุตบอลยูโรครั้งนี้มีชาติที่เคยเป็น “แชมป์เก่าฟุตบอลยูโร” มากันครบ

โดย 16 ครั้งที่ผ่านมามี 9 ชาติที่เคยได้เป็นจ้าวแห่งยุโรป อันได้แก่

  1. เยอรมนีตะวันตก
  2. ฝรั่งเศส
  3. อิตาลี
  4. เนเธอร์แลนด์
  5. สเปน
  6. โปรตุเกส
  7. เดนมาร์ก
  8. สาธารณรัฐเช็ก
  9. สโลวะเกีย (ในตอนที่ได้แชมป์เมื่อปี 1976 ยังเป็นประเทศเดียวกันคือ เช็กโกสโลวะเกีย)

มีทีมน้องใหม่ 6 ทีม

ยูโรครั้งนี้ยังน่าสนุกอีกตรงที่มีทีมน้องใหม่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกมาถึง 6 ทีมด้วยกัน ได้แก่

  1. บอสเนียเฮอร์เซโกวีนา
  2. เอสโตเนีย
  3. จอร์เจีย
  4. อิสราเอล
  5. คาซัคสถาน
  6. ลักเซมเบิร์ก

ตำนาน ‘CR6’

อ่านไม่ผิด CR6 ไม่ใช่ CR7 เพราะ คริสเตียโน โรนัลโดในวัย 39 ปีจะลงเล่นฟุตบอลยูโรเป็นครั้งที่ 6 ซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว

โรนัลโด ลงเล่นฟุตบอลยูโรครั้งแรกในปี 2004 ซึ่งจัดขึ้นที่โปรตุเกสบ้านเกิดเลย เพียงแต่น่าเสียดายที่ครั้งนั้นพวกเขาไปพ่ายให้กับกรีซในนัดชิงชนะเลิศ ทำให้งานปาร์ตี้ใหญ่ต้องพับแผนไป แต่หลังจากนั้นในปี 2016 กองหน้าผู้ไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อสังขารก็มีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ยูโรสมัยแรกได้ในปี 2016 ที่ประเทศฝรั่งเศส

แม้ว่านัดชิงชนะเลิศจะได้รับบาดเจ็บตั้งแต่ต้นเกมและต้องถูกเปลี่ยนตัวออกก็ตาม โรนัลโดก็ยังช่วยสั่งการจนทีมพิชิตเจ้าภาพได้อย่างน่ายกย่อง

ซูเปอร์คอมพิวเตอร์บอกว่า ‘xxx’ ได้แชมป์ยูโร 2024 

หนึ่งในหัวข้อสนุกๆที่คุยกันได้ไม่เบื่อคือ “ใครจะได้แชมป์ยูโร 2024” ซึ่งเรื่องนี้ The Analyst สำนักวิเคราะห์ชื่อดังได้ให้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ Opta ลองคำนวนแล้วว่า ใครกันที่จะได้เป็นแชมป์ฟุตบอลยูโรหนนี้  ผลออกมาดังนี้ เห็นด้วยไหม?

  1. เต็งหนึ่ง อังกฤษ (19.9%)
  2. เต็งสอง ฝรั่งเศส (19.1%)
  3. เต็งสาม เยอรมนี (12.4%)

ยูโรสีเขียว

สีเขียวไม่ได้สงวนสำหรับพื้นสนามหญ้าที่ใช้แข่งขันเพียงอย่างเดียว เพราะยูโร 2024 ครั้งนี้เจ้าภาพประกาศชัดเลยว่าจะเป็น “ยูโรสีเขียว” ในฐานะการแข่งขันรายการแรกที่มุ่งเน้นเรื่องของการรักษ์โลกอย่างเป็นรูปธรรม

โดยเยอรมนีและยูเอฟา มีมาตรการหลายอย่างเพื่อควบคุมให้เกิดมลพิษน้อยที่สุด ซึ่งมุ่งเน้นไปที่เรื่องของการเดินทาง มีความพยายามให้ใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากที่สุด ไม่เพียงแค่ขอร้องทีมฟุตบอลให้เดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง แต่รวมถึงแฟนๆที่มีตั๋วเข้าชมก็สามารถเดินทางด้วยรถไฟได้ฟรี (หรือเสียค่าใช้จ่ายไม่มาก)

นอกจากนี้ยังเป็นยูโรที่ไม่มีการสร้างสนามใหม่เลย โดยทั้ง 10 สนามใน 10 เมืองนั้นเป็นสนามที่มีอยู่เดิมทั้งหมด แค่ปรับปรุงให้พร้อมใช้รองรับมหกรรมระดับนี้

ในภาพรวมแล้วเยอรมนีลงทุนในเรื่องกลยุทธ์ Environmental, social and governance (ESG) สูงถึง 32 ล้านยูโรด้วยกัน

Albärt เจ้าหมีน้อยนำโชค

นอกจากนักเตะที่จะได้เห็นกันในการชิงชัยแล้ว อีกหนึ่งคน เอ๊ะ หรือตัว ที่จะได้เห็นบ่อยๆคือเจ้าหมีน้อยน่ารักที่เป็นตัวนำโชคสำหรับการแข่งขันในครั้งนี้

เจ้าหมีตัวนี้ชื่อว่า อัลบาร์ต (Albärt) ซึ่งเป็น มาสคอตการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 อย่างเป็นทางการตัวที่ 12 นับตั้งแต่ที่เริ่มมีการใช้มาสคอตในการแข่งขันครั้งแรกในปี 1980 ที่ประเทศอิตาลี ซึ่งมาสคอตตัวนั้นคือพิน็อคคิโอ (Pinocchio)

    สำหรับชื่อของอัลบาร์ตนั้นได้รับการโหวตในระบบของ uefa.com และโรงเรียนต่างๆทั่วยุโรป ซึ่งดูจากหน้าตาแล้วน่ารักน่าเอ็นดู และเป็นมิตรกว่ามาสคอตหลายๆตัวในยุคหลัง (ดีกว่า Skillzy ในยูโร 2020 แน่ๆ...)

เตะไปทำการบ้านไป

ในบรรดานักฟุตบอลที่เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 624 คนจาก 24 ทีม (ทีมละ 26 คน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เพิ่มจำนวนนักฟุตบอลจาก 23 เป็น 26 คน) มีหนึ่งคนที่หนีบเอาการบ้านมาทำด้วย

นักเตะคนดังกล่าวคือ ลามีน ยามาล กองหน้าดาวรุ่งทีมชาติสเปนวัย 16 ปีที่ได้รับการเรียกตัวติดทีมครั้งนี้ด้วย ซึ่งเจ้าตัวยังเรียนชั้นมัธยมอยู่เลยและเปิดเผยด้วยตัวเองว่า ใน iPad ของเขาที่พกติดตัวมาด้วยนั้นยังมีการบ้านที่ต้องส่งคุณครูอยู่เลย

เตะบอลเก่งแค่ไหนก็ไม่ทิ้งการเรียนนะ

Bitburger เบียร์ประจำการแข่งขัน

ด้วยความที่เยอรมนีได้ชื่อว่าเป็น “เมืองเบียร์” เพราะดื่มเบียร์กันเหมือนน้ำ ก็เลยเป็นที่สนใจอยู่ว่าแล้วเบียร์แบรนด์ไหนที่จะได้เป็นสปอนเซอร์อย่างเป็นทางการของการแข่งขันครั้งนี้

ปรากฏว่าเบียร์ที่ได้เป็น “Official Beer partner” ไม่ใช่แบรนด์ดังที่คนรู้จักกันทั่วโลก แต่เป็นแบรนด์ท้องถิ่นอย่าง Bitburger ที่จะได้วางจำหน่ายในสนามแข่งขัน รวมถึงแฟนโซน ซึ่งจะมีเครื่องดื่มทั้งแบบสีเหลืองอำพัน หรือเครื่องดื่มธรรมดาให้ได้ดื่มกัน

เงินรางวัลและเหรียญรางวัล

ยูเอฟามีเงินรางวัลรวมมากถึง 331 ล้านยูโรด้วยกันสำหรับยูโร 2024 โดยแบ่งออกเป็น

  • ผ่านเข้ารอบสุดท้าย: 9.25 ล้านยูโร (ต่อทีม)
  • โบนัสในเกม: ชนะ 1 ล้านยูโร, เสมอ 500,000 ยูโร
  • ผ่านเข้ารอบ 16 ทีม: 1.5 ล้านยูโร
  • ผ่านเข้ารอบ 8 ทีม: 2.5 ล้านยูโร
  • ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ: 4 ล้านยูโร
  • รองแชมป์: 5 ล้านยูโร
  • แชมป์ยูโร 2024: 8 ล้านยูโร

เงินรางวัลสูงสุดที่ทีมหนึ่งจะได้ในการแข่งครั้งนี้กรณีชนะหมดทุกนัดตั้งแต่รอบแรกคือ 28.25 ล้านยูโร หรือ 1.13 พันล้านบาท

ส่วนเหรียญรางวัลนั้นจะมีให้ทีมแชมป์ 40 เหรียญ (26 ผู้เล่น 14 สตาฟฟ์) เช่นกันกับทีมรองแชมป์ที่จะได้ 40 เหรียญเช่นกัน

ผู้ปิดทองหลังพระ

มหกรรมกีฬาระดับนี้ใช้คนทำงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งยูโร 2024 นอกจากสตาฟฟ์ที่ว่าจ้างแล้วยังมี “อาสาสมัคร” (Volunteer) ที่จะมาช่วยดูแลอำนวยความสะดวกแฟนฟุตบอลนับล้านที่เดินทางมาจากทั่วโลกด้วย

โดยยูโร 2024 คาดว่าจะมีจำนวนอาสาสมัครทั้งสิ้น 16,000 คนเลยทีเดียว โดยคนเหล่านี้จะไม่ได้รับค่าตอบแทนเป็นเงิน แต่จะได้ประสบการณ์และอื่นๆที่ไม่สามารถหาจากที่อื่นได้แทน

 

อ้างอิง