รฟม. ส่งร่างสัญญาร่วมทุน 'รถไฟฟ้าสายสีส้ม' ลุ้น ครม.เคาะลงนาม

นายวิทยา พันธุ์มงคล รองผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) รักษาการแทนผู้ว่าการ รฟม. เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) โดยระบุว่า ภายหลังศาลปกครองสูงสุดพิพากษายกฟ้องข้อพิพาทในกรณีการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ขณะนี้ รฟม.ได้รายงานผลการประกวดราคา และส่งร่างสัญญาร่วมลงทุนไปยังกระทรวงคมนาคมแล้ว

โดยกระบวนการหลังจากนี้ นับเป็นอำนาจของกระทรวงคมนาคม และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการพิจารณาให้ รฟม.ลงนามสัญญาร่วมลงทุนกับเอกชนผู้ยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุดคือ กลุ่ม BEM ประกอบด้วย บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ร่วมกับบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เสนอผลประโยชน์สุทธิ (มูลค่าปัจจุบัน: NPV) เท่ากับ - 78,287.95 ล้านบาท

“หลังกระบวนการศาลปกครองสูงสุดตัดสิน ก็เป็นอำนาจของ ครม.ที่จะพิจารณาว่าจะให้ลงนามสัญญาร่วมลงทุนเลยหรือไม่ ในส่วนของ รฟม.ต้องรอการพิจารณาเรื่องนี้ก่อน จึงจะดำเนินการหารือกับเอกชนผู้ยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุด และเร่งรัดให้เอกชนเริ่มจัดหาขบวนรถ เพื่อเข้ามาให้บริการประชาชน แต่เบื้องต้นเอกชนยืนยันว่ายังคงยืนราคาตามที่เสนอไว้ในการประมูล ทำให้ลงนามสัญญาได้ทันที ไม่ต้องเจรจาเพิ่มเติม”

นายวิทยา กล่าวด้วยว่า เรื่องเร่งด่วนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม คือ การเปิดให้บริการส่วนตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ - มีนบุรี เนื่องจากปัจจุบันงานโยธาก่อสร้างแล้วเสร็จ ดังนั้นหากลงนามสัญญากับเอกชนได้ ก็จะสามารถส่งมอบพื้นที่ส่วนนี้ให้เอกชนเริ่มติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ และเร่งจัดหาขบวนรถเข้ามาให้บริการ โดยตามสัญญามีกรอบเวลาให้เอกชนดำเนินการ 3 ปี 6 เดือน

ทั้งนี้อ้างอิงจากกระบวนการทำงานในโครงการรถไฟฟ้า พบว่าในขั้นตอนจัดหาขบวนรถ ส่วนใหญ่จะใช้เวลาราว 1 ปีในการออกแบบตัวรถ และใช้เวลาอีก 1 ปีในการจัดหาขบวนรถ ก่อนจะรับมอบรถมาทดสอบระบบ โดยในช่วงระหว่างนี้ ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าก็สามารถติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณเพื่อเตรียมความพร้อมคู่ขนานกันไปได้ ดังนั้นในภาพรวมก็เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ในการใช้เวลาจัดหาขบวนรถเพื่อมาให้บริการอย่างเร็วที่สุดราว 2 ปีครึ่ง

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์