ดอลลาร์แข็ง-บอนด์ยีลด์พุ่ง หนุนทองปิดลบ
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (25 มิ.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยฉุดตลาด
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 13.60 ดอลลาร์ หรือ 0.58% ปิดที่ 2,330.80 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 65.6 เซนต์ หรือ 2.20% ปิดที่ 29.193 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 14.80 ดอลลาร์ หรือ 1.46% ปิดที่ 999.00 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 39.40 ดอลลาร์ หรือ 4.04% ปิดที่ 936.20 ดอลลาร์/ออนซ์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นแตะระดับ 4.244% ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.13% แตะที่ระดับ 105.608 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ ส่วนการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
นักลงทุนประเมินการแสดงความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยนางลิซา คุก สมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหากเศรษฐกิจอยู่ในทิศทางที่เฟดคาดการณ์ไว้ ขณะที่นางมิเชล โบว์แมน ซึ่งสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาปรับลดอัตราดอกเบี้ย และเธอเปิดกว้างต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)