‘สุริยะ’ เร่งติดกล้องถ่ายป้ายทะเบียน 960 จุด สกัดส่วยรถบรรทุก

‘สุริยะ’ เร่งติดกล้องถ่ายป้ายทะเบียน 960 จุด สกัดส่วยรถบรรทุก

“สุริยะ” ลั่นยุคนี้ต้องไม่มีทุจริตส่วยสติกเกอร์ สั่งดึงเทคโนโลยีบริหารจัดการ เร่งติดตั้งกล้องถ่ายป้ายทะเบียน 960 แห่งทั่วประเทศ เผย “อยุธยา” อันดับ 1 รถบรรทุกน้ำหนักเกินมากสุด

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้กรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ไปดำเนินการจัดการและแก้ไขปัญหารถบรรทุกที่บรรทุกน้ำหนักเกินกว่ากฎหมายกำหนด เนื่องจากส่งผลกระทบหลายด้านในการคมนาคมทางถนน เช่น ทำให้ถนนหลวงชำรุดเสียหาย และยังมีความเสี่ยงที่จะเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ 

โดยในส่วนของ ทล. นั้น มอบหมายให้เร่งบริหารจัดการตรวจสอบรถบรรทุกน้ำหนักเกินบนโครงข่ายทางหลวงทั่วประเทศอย่างเข้มงวด โดยใช้เทคโนโลยีระบบตรวจวัดสามมิติ (3D Measurement System) ร่วมกับด่านชั่งน้ำหนักรถบรรทุกในขณะรถวิ่ง (Weight in Motion: WIM) พร้อมทั้งระบบกล้องถ่ายป้ายทะเบียน (LPR) ทั้งนี้ ในปัจจุบัน ทล. ได้ติดตั้งระบบ WIM และ LPR แล้ว 192 แห่ง อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 16 แห่ง และต้องการเพิ่มเติมอีก 752 แห่ง ตามเป้าหมายที่จะติดตั้งให้ครบ 960 แห่ง ครอบคลุมโครงข่ายทางหลวงทั่วประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีสถานีตรวจสอบน้ำหนักและจุดจอดพักรถบรรทุกรวมจำนวน 103 สถานี รวมถึงหน่วยชั่งน้ำหนักเคลื่อนที่ (Spot Check) จำนวน 106 ชุด และมีแผนจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติงาน ขณะเดียวกันยังให้ ทล. เร่งศึกษาและพิจารณาถึงการแก้ไขข้อกฎหมาย เพื่อกำหนดให้บทลงโทษหนักขึ้น พร้อมทั้งแต่งตั้งเจ้าพนักงานเพื่อให้ทุกกระบวนการมีประสิทธิภาพสูงสุด

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ทล. ได้รายงานว่าจากการดำเนินงาน ทำให้พบการกระทำความผิดบรรทุกน้ำหนักเกินลดลงอย่างชัดเจน โดยจากข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 - 19 มิถุนายน 2567 มียอดจับกุมผู้กระทำผิดไปแล้ว จำนวน 2,107 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีการจับกุมได้ 2,659 คัน ส่วนตลอดทั้งปี 2566 มีผู้กระทำความผิดจำนวน 3,416 คัน ลดลงจากปี 2565 ที่มีผู้กระทำความผิดจำนวน 3,488 คัน อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่าในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะต้องไม่มีการทุจริต หรือมีส่วยสติกเกอร์ทางหลวงเกิดขึ้นโดยเด็ดขาด และการกระทำความผิดจะต้องลดลงอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน ทล. ยังได้รายงานถึงการวิเคราะห์ข้อมูลในพื้นที่ที่มีพฤติกรรมความเสี่ยงของการบรรทุกน้ำหนักเกินกว่ากฎหมายกำหนด เพื่อใช้สำหรับลงพื้นที่ในการตรวจสอบ โดยเป็นการนำข้อมูลจากการร้องเรียน การจับกุม และแหล่งวัสดุมาใช้ในการวิเคราะห์ พบว่า 10 จังหวัดที่พบการกระทำผิดมากสุด ได้แก่

1.พระนครศรีอยุธยา 

2.นครราชสีมา 

3.ขอนแก่น 

4.ชลบุรี 

5.กรุงเทพมหานคร 

6.สมุทรปราการ 

7.นครสวรรค์ 

8.อุบลราชธานี 

9.สระบุรี 

10.ฉะเชิงเทรา 

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ขณะที่ ทช. นั้น มอบหมายให้เข้มงวดตรวจจับรถบรรทุกน้ำหนักเกินกว่ากฎหมายกำหนด โดยจากการรายงานของ ทช. ระบุว่าขณะนี้ได้ดำเนินการจัดตั้งด่านชั่งน้ำหนัก แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1.ด่านชั่งน้ำหนักถาวร (Weigh Station) 5 แห่ง 2.ด่านชั่งน้ำหนักเคลื่อนที่ (Spot Check) 92 หน่วย และ 3.ด่านชั่งน้ำหนักยานพาหนะขณะเคลื่อนที่ (WIM) 19 จุด ทั่วประเทศ  

ทั้งนี้ จากผลการกำกับน้ำหนักยานพาหนะประจำปี 2567 พบว่า ช่วงตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 - 23 มิถุนายน 2567 มีรถบรรทุกเข้าชั่งน้ำหนัก ณ ด่านชั่งน้ำหนักถาวร จำนวน 267,720 คัน, รถบรรทุกชั่งน้ำหนัก Spot check จำนวน 55,231 คัน ซึ่งจากจำนวนดังกล่าวสามารถจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกิน และดำเนินคดีแล้ว 7 คัน ขณะที่ตลอดทั้งปี 2566 มีการจับกุมดำเนินคดีไป 9 คัน