อาหารสดลด-ค่าไฟฟ้าสู่โหมดปกติ ดัน เงินเฟ้อเดือนมิ.ย.สูงขึ้น 0.62 %
พาณิชย์ เผย เงินเฟ้อเดือนมิ.ย.สูงขึ้น 0.62 % ในอัตราที่ชะลอตัว ผลจากมาตรการลดค่าฟ้าสิ้นสุด ราคาอาหารสูงแบบชะลอตัว คาดเดือนก.ค.เงินเฟ้อจะเคลื่อนไหวในระดับที่ใกล้เคียงกัน คงเป้าอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2567 อยู่ระหว่าง 0.0 – 1.0 % ค่ากลาง 0.5%
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคหรือเงินเฟ้อทั่วไปเดือนมิ.ย. 25567 เท่ากับ 108.50 เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2566 ซึ่งเท่ากับ 107.83 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้นในอัตราชะลอตัวที่ 0.62 % โดยมีปัจจัยสำคัญมาจาก ผลกระทบจากฐานต่ำของค่ากระแสไฟฟ้าในเดือนก่อนหน้าสิ้นสุดลง ประกอบกับราคาสินค้ากลุ่มอาหารสดสูงขึ้นในอัตราชะลอตัว เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกหลังจากสิ้นสุดช่วงสภาพอากาศร้อนจัด สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก
เงินเฟ้อเดือนมิ.ย..2567 ที่สูงขึ้น 0.62% มาจากหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 0.48 % จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ ได้แก่ กลุ่มข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้ง (ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว) กลุ่มอาหารสด อาทิ ไข่ไก่ ผลไม้สด เช่น มะม่วง ทุเรียน กล้วยน้ำว้า แตงโม กล้วยหอม องุ่น สับปะรด และผักสด เช่น มะเขือเทศ ขิง ฟักทอง พริกสด ต้นหอม บวบ ผักบุ้ง มะเขือ ผักชี กลุ่มอาหารบริโภคในบ้านและนอกบ้าน กับข้าวสำเร็จรูป ข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ กาแฟผงสำเร็จรูป น้ำหวาน กาแฟ (ร้อน/เย็น)) และกลุ่มเครื่องประกอบอาหาร น้ำตาลทราย กะทิสำเร็จรูป น้ำพริกแกง ขณะที่ยังมีสินค้าอีกหลายรายการที่ราคาลดลง อาทิ เนื้อสุกร มะนาว ปลาทู น้ำมันพืช ไก่ย่าง ส้มเขียวหวาน หัวหอมแดง และกระเทียม เป็นต้น
หมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น 0.71 % จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันเชื้อเพลิง (แก๊สโซฮอล์ น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน) กลุ่มค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล แป้งทาผิวกาย ยาสีฟัน ค่าแต่งผมสตรีและบุรุษ กระดาษชำระ และกลุ่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ทั้งสุรา เบียร์ อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าสำคัญหลายรายการที่ราคาลดลง อาทิ ค่ากระแสไฟฟ้า ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาล้างห้องน้ำ ผลิตภัณฑ์ซักผ้า น้ำยาซักแห้ง เสื้อยืดบุรุษและสตรี และเสื้อเชิ้ตบุรุษและสตรี เป็นต้น
สำหรับเงินเฟ้อพื้นฐาน (เงินเฟ้อทั่วไป เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก) สูงขึ้น 0.36 % ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากเดือนพ.ค. 2567 ที่สูงขึ้น 0.39 %
“ตัวเลขเงินเฟ้อที่กลับมาลดลง มาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ ราคาผักสดที่สูงขึ้นในอัตราที่ชะลอตัว และค่ากระแสไฟฟ้าที่กลับเข้ามาสู่โหมดปกติ ซึ่งสถานการณ์เงินเฟ้อแบบเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เป็นจริงและสูงขึ้นในระดับที่เหมาะสม มีเสถียรภาพ”นายพูนพงษ์ กล่าว
ทั้งนี้อัตราเงินเฟ้อของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนพ.ค.ม 2567 พบว่า อัตราเงินเฟ้อของไทยสูงขึ้น 1.54 % เร่งตัวขึ้นจากปัจจัยชั่วคราว แต่ยังอยู่ในระดับต่ำอันดับ 23 จาก 126 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และต่ำเป็นอันดับ 2 ในอาเซียนจาก 8 ประเทศที่ประกาศตัวเลข ประกอบด้วย บรูไน สปป.ลาว เวียดนาม สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า ส่วนแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนก.ค.น่าจะใกล้เคียงกับเดือนมิ.ย. และเงินเฟ้อในไตรมาสที่ 3 ปี คาดว่ามีแนวโน้มอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสที่ 2 ปี 2567 ที่อยู่ที่ 0.78 % ส่วนเงินเฟ้อในไตรมาส 4 คาดว่าน่าจะเกิน 1 % เนื่องจากฐานในปี 66 สูง โดยในไตรมาส 4 ปี 66 เงินเฟ้อติดลบทุกเดือน
โดยปัจจัยที่ยังทำให้อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ ได้แก่ ค่ากระแสไฟฟ้าภาคครัวเรือนอยู่ในระดับต่ำกว่าปีก่อนหน้า ตามมาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐ สภาพอากาศที่เอื้ออำนวยต่อภาคการเกษตรมากขึ้น หลังจากสิ้นสุดช่วงอากาศที่ร้อนจัด ทำให้ปริมาณผลผลิตและราคาสินค้าภาคการเกษตรปรับเข้าสู่ระดับปกติ และ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการค้าส่งและค้าปลีกรายใหญ่ รวมทั้งการค้าผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ ตามสภาวะที่มีการแข่งขันสูง
อย่างไรก็ตามคงต้องจับตาปัจจัยที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ได้แก่ ราคาน้ำมันดีเซลภายในประเทศ กำหนดเพดานไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตราแลกเปลี่ยนมีแนวโน้มอ่อนค่ากว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อน และ ความไม่แน่นอนจากผลกระทบของความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ อาจทำให้ราคาน้ำมันและค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้นได้ ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2567 อยู่ระหว่าง 0.0 – 1.0 % ค่ากลาง 0.5% ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ จะมีการทบทวนอีกครั้ง