ดีมานด์ 'ผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังดัดแปร' จีนพุ่ง PMS เร่งเครื่องโรงงานใหม่

นายอนุเชษฐ แสนโคตร กรรมการผู้จัดการ บริษัทพรีเมียร์ โมดิไฟด์ สตาร์ช จำกัด หรือ PMS ผู้ผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลังดัดแปร เปิดเผยว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลังดัดแปร จะเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า

รวมทั้งได้รับปัจจัยบวกจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมปลายน้ำ อาทิ ยา เครื่องสำอาง อาหาร กระดาษ สารให้ความหวาน และสิ่งทอ ซึ่ง Mordor Intelligence คาดว่า มูลค่าตลาดอนุพันธ์แป้งดัดแปร (Derivatives) และสารให้ความหวานทั่วโลก จะเติบโตเฉลี่ย (CAGR 2022 – 2025) ราว 5.2% ต่อปี

ทั้งนี้กลุ่มบริษัท PQS จะไปสู่ธุรกิจที่มีมูลค่าสูง เพื่อเพิ่มมาร์จินบริษัทเพิ่มขึ้น คือ ธุรกิจ แป้งมันสำปะหลังดัดแปร รวมทั้งขยายฐานลูกค้าไปตลาดใหม่ในต่างประเทศที่มีศักยภาพสูง

 

สำหรับโรงงานแป้งมันสำปะหลังดัดแปร ที่จังหวัดมุกดาหาร พร้อมเดินเครื่องกำลังผลิตตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม 2567 มีกำลังการผลิตเบื้องต้น 4,500 ตันต่อเดือน หรือ 45,000 ตันต่อปี จะทำให้รับรู้รายได้ทันทีในครึ่งหลังปีนี้

โดยบริษัท PMS เป็นบริษัทลูกของ บริษัทพรีเมียร์ ควอลิตี้ สตาร์ช จำกัด (มหาชน) หรือ PQS ผู้ผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (Premium Grade) และแป้งมันสำปะหลังดัดแปร (Modified Starch)

สำหรับโรงงานแป้งมันสำปะหลังดัดแปร เป็นผลิตภัณฑ์สินค้าผลิตเพื่อต่อยอดสู่ธุรกิจปลายน้ำ เนื่องจากแป้งดัดแปร จะนำไปเป็นส่วนผสมหลายผลิตภัณฑ์ ทั้งยา เครื่องสำอาง อาหาร กระดาษ สารให้ความหวานและสิ่งทอ

ส่วนโรงงาน PMS นั้นช่วงแรกของการผลิต และการขายจะเน้นจับกลุ่มลูกค้าอาหาร เช่นการนำไปเป็นส่วนผสมของไส้กรอก ผลิตภัณฑ์อาหารประเภทเส้น ทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ก๋วยเตี๋ยว พาสต้า ราเม็ง

"แป้งมันสำปะหลังดัดแปร สามารถนำไปต่อยอดสินค้าได้หลากหลายมาก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์กระดาษที่ต้องการคุณภาพสูง “ นายอนุเชษฐ กล่าว

ขณะที่ตลาดหลักของ PMS จะเป็นตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะที่ประเทศจีน เนื่องจากลูกค้าที่จีนมีความต้องการแป้งมันสำปะหลังดัดแปรสูงมาก

รวมทั้งแบรนด์ PQS ที่ประเทศจีนมีช่องทางการจัดจำหน่ายแข็งแกร่ง สินค้าที่ส่งออกไป ได้รับการยอมรับอย่างสูง โดยเป็นลูกค้ารายใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศจีนที่ สั่งออเดอร์จากบริษัทเพื่อนำไปทำอาหารประเภทเส้นต่างๆ

สำหรับตลาดอื่นๆ ทั้งที่ประเทศอินโดนีเซีย ไต้หวัน อินเดีย เวียดนาม บริษัทก็กำลังทำตลาดและเจรจาอยู่หลายราย อาทิ

• อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ มีประชากรมากกว่า 250 ล้านคนเป็นเป้าหมายหลักที่บริษัทจะเข้าไปเจาะตลาด
• ไต้หวัน ซึ่งมีศักยภาพสูง โดยลูกค้าที่ไต้หวันเป็นโรงงานที่ทำชานมไข่มุก ต้องการนำผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังดัดแปรไปเป็นส่วนผสมในไขมุกเพื่อให้มีคุณสมบัติที่เหนียวนุ่มขึ้น

“ออเดอร์ที่มีเข้ามารอมาจากความต้องการของลูกค้า และตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตในหลายๆ ประเทศ ทั้งประเทศจีน และ ประเทศอื่นๆ ใน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้" 

ทั้งนี้ มั่นใจรายได้ที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2568 คาดว่าจะมียอดขายไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท และหากโรงงานเดินเครื่องกำลังผลิตเต็มที่ คาดว่าจะทำให้มียอดขายแตะระดับ 800 ล้านบาท