“ภูมิธรรม” สั่ง อคส.เดินหน้าประมูลข้าว หลัง 3 บริษัทไม่ผ่านคุณสมบัติ

“ภูมิธรรม” สั่ง อคส.เดินหน้าประมูลข้าว หลัง 3 บริษัทไม่ผ่านคุณสมบัติ

“ภูมิธรรม” ยัน เดินหน้าประมูลข้าว 10 ปี หลังตรวจพบเอกชน 4 รายคุณสมบัติมีปัญหาคดีค้างเก่า สั่ง อคส.เดินหน้าเรียกผู้เสนอราคาสูงสุดลำดับที่ 2 และ 3 ในแต่ละคลังมาเจรจาต่อรอง หากไปต่อไม่ได้คงต้องล้มประมูล ชี้แม้ราคายืนเสนอรายต่อไปต่ำกว่ารายแรกแต่ถือว่าราคาดี และพอใจ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวถึงความคืบหน้าการเปิดประมูลข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลเป็นการทั่วไปครั้งที่ 1/2567 ขององค์การคลังสินค้า (อคส.) ว่า เบื้องต้นได้รับรายงานว่าคณะกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติผู้เสนอซื้อข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล หรือข้าว 10 ปี ได้ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เสนอซื้อข้าวทั้ง 6 รายเสร็จสิ้นแล้ว และพบว่า มี 3 รายที่ไม่ผ่านคุณสมบัติ ซึ่งในฐานะที่กำกับดูแล อคส. ได้สั่งการให้ อคส. ดำเนินการพิจารณาผู้เสนอซื้อที่มีคุณสมบัติถูกต้องครบถ้วน และต่อรองราคากับผู้ซื้อที่เสนอราคาสูงสุดในลำดับถัดไปในแต่ละคลังเพื่อให้ได้ข้อยุติต่อไป  “ภูมิธรรม” สั่ง อคส.เดินหน้าประมูลข้าว หลัง 3 บริษัทไม่ผ่านคุณสมบัติ

 “เมื่อรายที่ให้ราคาสูงสุด ในแต่ละคลัง มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ก็ต้องให้โอกาสรายที่ 2 รายที่ 3 ที่เสนอราคาสูงสุดในแต่ละคลัง ได้มีโอกาสเข้ามาเจรจาต่อรอง โดยให้ยึดราคาที่ผู้เสนอราคาสูงสุดเคยให้ไว้ แต่จะได้หรือไม่ได้ ก็อยู่ที่การต่อรองของ อคส. เพราะอยากให้การเปิดประมูลข้าวรอบนี้ จบลงได้ตามที่ตั้งใจไว้ เพราะถือว่าขายได้ราคาดีมาก แต่ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็คงต้องล้ม และเปิดประมูลใหม่” นายภูมิธรรม กล่าว 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอกชน 3 รายที่ถูกตัดสิทธิ ได้แก่ บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด บริษัท ธนสรร ไรซ์ จำกัด และบริษัท เอส.เอส.เอ็ม.อาร์. การเกษตร จำกัด เนื่องจากผลการตรวจสอบเชิงลึก พบว่า มีส่วนเกี่ยวข้องคดีค้างเก่ากับนิติบุคคล ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ทำความเสียหายให้แก่ อคส. และถูก อคส. ฟ้องคดีเรียกค่าเสียหายตามสัญญารับฝากเก็บรักษามันเส้น ข้าวสาร และสัญญาจ้างตรวจสอบ และรับผิดชอบคุณภาพข้าว ซึ่งเป็นคดีค้างเก่า และยังอยู่ในการพิจารณาของศาลปกครอง แม้ว่าทั้ง 3 ราย จะไม่ใช่เป็นคู่กรณีโดยตรง แต่ก็มีความเชื่อมโยงทางอ้อม และเกี่ยวพันกัน

สำหรับ 6 บริษัท ที่ยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวในครั้งนี้ ประกอบด้วย 1.บริษัทวีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด เสนอราคาซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้ง 64,010,216.32 บาท เฉลี่ย 19.070 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) คลังสินค้ากิตติชัย 222,292,403.22 บาท เฉลี่ย 19.070 บาทต่อกก. 2.บริษัท ธนสรร ไรซ์ จำกัด เสนอราคาซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้ง 60,482,800 บาท เฉลี่ย 18.019.11 บาทต่อกิโลกรัม คลังสินค้ากิตติชัย 209,843,000 บาท เฉลี่ย 18.001.99 บาทต่อกิโลกรัม

3.บริษัท เอส.เอส.เอ็ม.อาร์.การเกษตร จำกัด เสนอราคาซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้งเพียงคลังเดียว 56,088,888 บาท เฉลี่ย 16.710.07 บาท/กิโลกรัม

4.บริษัท ทรัพย์แสงทองไรซ์ จำกัด เสนอราคาซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้ง 40,980,000 บาท เฉลี่ย 12.208.81 บาทต่อกิโลกรัม คลังสินค้ากิตติชัย 182,046,000 บาท เฉลี่ย 15.617.35 บาทต่อกิโลกรัม 5.บริษัท สหธัญ จำกัด เสนอราคาซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้งเพียงคลังเดียว 62,734,711.23 บาท เฉลี่ย 18.690 บาทต่อกิโลกรัม และ 6.บริษัท บี เอ็น เค การเกษตร 2024 จำกัด เสนอราคาซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้ง 53,705,477.77 บาท เฉลี่ย 16 บาทต่อกิโลกรัม คลังสินค้ากิตติชัย 186,506,473.60 บาท เฉลี่ย 16 บาทต่อกิโลกรัม

ทั้งนี้ หลังจาก 3 รายถูกตัดสิทธิ ก็จะเหลือ 3 ราย ที่จะได้รับการเรียกมาเจรจาต่อรองราคา แยกเป็น คลังกิตติชัย หลัง 2 (ข้าวหอมมะลิ 100%) ปริมาณ 11,656 ตัน อันดับ 2 คือ บริษัท บี เอ็น เค การเกษตร 2024 เสนอราคา 16 บาทต่อกิโลกรัม และอันดับ 3 คือ บริษัท ทรัพย์แสงทองไรซ์ เสนอราคา 15.617.35 บาทต่อกิโลกรัม และคลังบริษัท พูนผลเทรดดิ้ง จำกัด ปริมาณ 3,356 ตัน อันดับ 2 คือ บริษัท สหธัญ เสนอราคา 18.690 บาทต่อกิโลกรัม อันดับ 3 คือ บริษัท บี เอ็น เค การเกษตร 2024 เสนอราคา 16 บาทต่อกิโลกรัม

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์