'จุลพันธ์' เตือนทุจริต 'ดิจิทัลวอลเล็ต' เสี่ยงติดแบล็คลิสต์โครงการรัฐ

'จุลพันธ์' เตือนทุจริต 'ดิจิทัลวอลเล็ต' เสี่ยงติดแบล็คลิสต์โครงการรัฐ

"จุลพันธ์" แจง ผู้ว่าฯ ธปท. ส่งหนังสือเตือนเรื่องระบบใช้งานดิจิทัลวอลเล็ตต้องปลอดภัยเชื่อถือได้ ป้องกันทุจริตโครงการ ย้ำหากตรวจพบใช้งานผิดประเภทจะถูกตัดสิทธิ์ร่วมโครงการรัฐในอนาคต

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีที่นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งหนังสือถึงที่ประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ เพื่อแสดงข้อห่วงใยต่อโครงการนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นวินัยการเงินการคลัง ทั้งนี้ เป็นข้อห่วงใยเกี่ยวกับระบบการใช้จ่ายผ่านดิจิทัลวอลเล็ตว่าจะต้องมีความปลอดภัยและเชื่อถือได้ และขอให้ ธปท.เข้ามาตรวจสอบระบบเป็นระยะเวลา 15 วัน ก่อนที่จะมีการเปิดใช้งาน 

"ทั้งนี้ ผมได้เรียนต่อที่ประชุมว่าการสร้างระบบอยู่บนฐานความมั่นคงปลอดภัยสูงสุดในระดับเดียวกับธนาคารพาณิชย์ และพร้อมจะส่งให้ ธปท. ได้ตรวจสอบโครงสร้างการทำงานของระบบ ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล"

นอกจากนี้ยังมีข้อห่วงใยในประเด็นเกี่ยวกับการทุจริตและการใช้งานผิดประเภท ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ได้เสนอให้ตัดสิทธิ์กลุ่มที่มีประวัติคดีความจากการประพฤติที่ขัดต่อโครงการรัฐในอดีต เช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ที่มีการใช้เงินผิดประเภท หรือนำไปแลกเป็นเงินสดโดยไม่ได้ใช้บริการจริง โดยกลุ่มนี้มีทั้งประชาชนและร้านค้าที่ถูกดำเนินคดีเป็นที่สิ้นสุดแล้วกว่า 2 พันราย ที่จะไม่ได้รับสิทธิ์ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

นายจุลพันธ์ กล่าวย้ำว่า ในกรณีเดียวกันโครงการการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต มีการระบุเงื่อนไขและข้อจำกัดการใช้งาน (Negative List) ขอให้ประชาชนรับทราบทั่วกัน เพราะหากตรวจพบว่ามีการใช้ผิดวัตถุประสงค์ มีการถอนแลกเป็นส่วนต่างเงินสด หากตรวจจับได้จะมีการดำเนินคดีการโกงเงินแผ่นดิน ซึ่งระบบฐานข้อมูลที่เป็นบล็อกเชนไม่สามารถแก้ไขได้ และสามารถตรวจสอบย้อนกลับว่าเกิดการทุจริตขึ้นตรงไหน
นอกจากนี้ ในกรณีที่พบว่าท่านใช้งานผิดประเภทและมีการทุจริตในโครงการนี้ จะถูกตัดสิทธิ์ในการเข้าร่วมโครงการใดๆ ที่ภาครัฐให้การช่วยเหลือประชาชนในอนาคตด้วย 
 

โดยในวันที่ 1 ส.ค.67 นี้ จะเปิดลงทะเบียนโครงการดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” เป็นระยะเวลา 45 วัน ซึ่งสามารถเข้าไปยืนยันตัวตน ทำ KYC ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ โดยในวันที่ 24 ก.ค.จะมีการแถลงรายละเอียดเรื่องกรอบระยะเวลาอย่างชัดเจน สำหรับประชาชนกลุ่มที่มีสมาร์ทโฟน กลุ่มที่ใช้งานผ่านบัตรประชาชน และร้านค้า โดยจะมีการชี้แจงวิธีการใช้แอป และการเปิดอุทธรณ์สิทธิ