PTG ร่วมกับ S63 Project กระหึ่ม PT Songkhla GP 2024 

PTG ร่วมกับ S63 Project กระหึ่ม PT Songkhla GP 2024 

ย้ำกระแสฟีเวอร์ มอเตอร์สปอร์ตแดนใต้ "PT Songkhla GP" ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ผ่าแนวคิด “ศิลป์ ธีรนิติ” จากนักแข่งสู่ผู้จัด “พีที แม็กซ์นิตรอน เรซซิ่ง ซีรีส์” เตรียมระเบิดความมันส์เทศกาลมอเตอร์สปอร์ตแบบปิดชายหาด เนรมิตร “สตรีทเซอร์กิต” รายการ "พีที สงขลา กรังด์ปรีซ์” การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบสุดยิ่งใหญ่แห่งปี ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

นายศิลป์ ธีรนิติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส 63 โปรเจค จำกัด ประธานจัดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ “PT Maxnitron Racing Series” กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของการจัดแข่งขัน ว่า ด้วยความชื่นชอบส่วนตัวและมีโอกาสได้แข่งรถ จากเวที “PT Maxnitron Motorsport” ปี 2016 และยกระดับการแข่งขันมาสู่รุ่น “ซูเปอร์คาร์” ทำให้เห็นมุมต่าง ๆ ของวงการมอเตอร์สปอร์ตเมืองไทย

ทั้งนี้ จึงมีแนวคิดว่าจะทำอย่างไรให้รายการในเมืองไทยได้เปิดโอกาสกับนักแข่งมากขึ้น จึงริเริ่มจัดการแข่งขันครั้งแรกในปี 2018 และเมื่อได้ผลตอบรับที่ดี จึงจัดการแข่งขันแบบเต็มรูปแบบในปี 2019 ในชื่อ PT Maxnitron Racing Series ซึ่งได้รับผลการตอบรับที่ดีเช่นเคย

ภายใต้ความท้าทายของวงการรถแข่ง จึงพัฒนากติกาในแบบฉบับของตนเอง คือ เปิดโอกาสให้ช่างไทยได้พัฒนาเครื่องยนต์โดยไม่อนุญาตให้นำรถจากโรงงานต่างประเทศเข้ามาแข่งขัน เพราะเมื่อนำเข้ามาจะต้องจ้างช่างต่างชาติมาด้วย ดังนั้น เพื่อพัฒนาฝีมือช่างไทย จึงเกิดกติการการแข่งขันในรุ่นใหญ่สุด และหากต่างชาติจะร่วมแข่งขันจะต้องจ้างช่างไทยไม่ต่ำกว่า 50% ของทีม

นายศิลป์ กล่าวถึงในส่วนของสนามแข่งขันว่า จากพื้นฐานวงการมอเตอร์สปอร์ตในไทย มีเพียงสนามเดียวที่จ.บุรีรัมย์ จึงอยากทำอะไรใหม่ ๆ ให้วงการ และเริ่มจากสนามแข่งขันชั่วคราวแม้จะเป็นโมเดลที่ “บางแสน สตรีท เซอร์กิต” จัดแข่งขันมาถึง 18 ปี จึงเริ่มจัดแข่งขันที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ ด้วยงบลงทุนระดับ 100 ล้านบาท เพื่อสร้างสนามใหม่ให้นักแข่ง

PTG ร่วมกับ S63 Project กระหึ่ม PT Songkhla GP 2024 

“เราใช้เวลา 2 ปีสร้างสนามแข่งขัน และประจวบเหมาะกับโควิด-19 ระบาด โดยในช่วงปี 2022 ได้สร้างความฮืฮาให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตทั้งในไทยและประเทศเพื่อนบ้าน สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนให้กับชุมชนในพื้นที่โดยรอบ”

เมื่อการจัดงานเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม มีผู้ชมเข้าชมมากขึ้น จากเดิมที่ต้องยอมรับว่าการแข่งขันรถยนต์มีการเข้าถึงยาก วงการแคบ และด้วยแนวคิดสร้างการแข่งขันจากแบรนด์ที่สนับสนุน ทำให้นักแข่งสามารถสร้างอาชีพได้ จึงเกิดกติกาในแบบที่ต้องการสร้างให้เกิดประโยชน์ทั้งผู้แข่งและผู้เข้าร่วมชมและเศรษฐกิจในพื้นที่

ทั้งนี้ การสร้างโรดแมปให้ชัดเจนมากขึ้นจึงเป็นความท้าทาย ดังนั้น เมื่อจัดแข่งขันที่จ.ประจวบครีขันธ์ เมื่อเห็นมวลชนจำนวนมาก และแบรนด์ต่างๆ พร้อมที่จะจ่ายเงินเพื่อให้จัดการแข่งขันในซีรีส์ต่อๆ ไป จึงเป็นบทพิสูจน์ฝีมือว่าเราสามารถสร้างมวลชน สร้างคลาวด์ให้สปอร์นเซอร์เห็นความสำคัญของการแข่งขัน จึงอยากพัฒนาการแข่งขันในแบบของตนเองต่อไป

“ปีแรกที่จัดเจอมาตรการควบคุมการเกิดโรคระบาด จึงต้องควบคุมปริมาณคน และเมื่อได้เสียงตอบรับที่ดี ปีต่อมาจะเจอปัญหาในเชิงพื้นที่ จึงทำให้เราต้องเปลี่ยนสถานที่ แต่จะยังคงคอนเซ็ปสตรีทเซอร์กิต จึงไปจัดที่โคราชช่วงปลายปี 2022 ก็ได้รับการตอบรับดี เพียงแต่ว่า ณ พื้นที่นั้นยังไม่ตอบโจทย์ โดยเฉพาะกิจกรรม”

ดังนั้น จึงเป็นที่มาให้เลือก จ.สงขลา เพราะเป็นเมืองใหญ่ มีความพร้อมในหลายด้าน ทั้งที่พัก แหล่งท่องเที่ยว ฯลฯ ตอบโจทย์ทางบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ด้วย ซึ่งจากการจัดการแข่งขันครั้งแรกที่สงขลาได้รับการตอบรับที่ดี ในชื่อรายการ “พีที สงขลา กรังด์ปรีซ์” และสามารถสร้างปรากฎการณ์ที่ไม่น่าเชื่อให้กับวงการ Motorsport เมืองไทย และเรียกเสียงฮือฮาจากประเทศรอบข้างได้อย่างมากมาย จึงเตรียมพร้อมจัดต่อปีนี้เป็นปีที่ 2

โดยในปีที่แล้วทางรายการมียอดวิวทาง TIkToK มากกว่า 21 ล้านวิว มียอดวิวการถ่ายทอดสดมากกว่า 6.3 ล้านวิว และผู้เข้าชมงานมากกว่า 100,000 คน ตลอด 4 วันของการจัดการแข่งขัน ถือเป็นรายการที่มียอดคนเข้ามาชมและติดตามสูงรองจาก โมโตจีพี ไทยแลนด์ ในปี 2012 การจัดอีเว้นนี้จะสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนได้ทั้งจังหวัด ด้านบริการเพิ่มขึ้น 7.1% ซึ่งปีนี้คาดว่าจะต้องเพิ่มขึ้นแบบมีนัยยะสำคัญ

อย่างไรก็ตาม PT Maxnitron Racing Series ยังมีเป้าหมายให้สนามพีที สงขลา กรังด์ปรีซ์ เป็นสนาม ICONIC ของกลุ่มประเทศ Asean และเป็น International เต็มรูปแบบในปี 2026

โดยในปีนี้ จะมีรถแข่งเข้าร่วมการแข่งขัน มากถึง 260 คัน เต็ม Grid Start ในทุกรุ่นการแข่งขันถือเป็นรายการที่มีรถเข้าแข่งขันมากที่สุดในประเทศไทยและใน 260 คันนี้มีนักแข่งที่เป็นคนสงขลาแท้ ๆ มาเข้าร่วมการแข่งขันด้วยหลายท่าน และคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 2 แสนคน

นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มมาตรการความปลอดภัยต่าง ๆ ทั้งนักแข่งและผู้ชมรอบสนาม อีกทั้งยัง Upgrade Facilty ต่าง ๆ เช่น การจัดโชนผู้ชม หรือ Grandstand ให้มีมากขึ้น โดยเป้าหมาย คือ มากกว่า 2,000 ที่นั่งรอบสนามพร้อมทั้ง จอ LED ถ่ายทอดสด รอบสนาม ระบบเสียง และ ห้องน้ำในจุดต่างๆ

ทั้งนี้ ทางรายการจะมีการจัดกิจกรรมที่มีความหลากหลาย อาทิ กิจกรรมมสำหรับคุณผู้หญิง โซนทำเล็บ ทำผม กิจกรรมสำหรับเด็ก ๆ ที่ทางรายการต้องการให้เป็นงานที่สามารถ Enjoy ได้ทั้งครอบครัว มีบรรยากาศที่อบอุ่น พร้อมทั้งยังให้ความรู้เกี่ยวกับยานยนต์กับเยาวชนคนรุ่นใหม่อีกด้วย

สำหรับภาพรวมกิจกรรมในปี้ จะยังคงมี กิจกรรม Car Meeting จากกลุ่มรถยนต์ต่าง ๆ มี Food Zone ที่เรียกกว่างาน Southern Speed Fest บริเวณโรงแรม BP Samila และที่ไม่ควรพลาด คือ การเปิดตัวรถแข่ง Prototype ที่สร้างโดยคนไทย วิศวะกรชาวโทย 100% ในชื่อ “Brand Tera” ถือเป็นการเปิดตัวครั้งแรกที่จ.สงขลา ในงาน พีที สงขลา กรังด์ปรีซ์ 2024 ครั้งนี้

นายฉลอง ติรไตรภูษิต ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับ PTG เป็นบริษัทน้ำมันของคนไทยบริหารโดยคนไทย มีความยินดีที่จะได้กลับมาทำการแข่งขัน พีที สงขลา กรังด์ปรีซ์ เป็นปีที่ 2 โดยปีแรกที่จัดสนามสงขลา กรังด์ปรีซ์ ได้สร้างเซอร์ไพรส์ กับผู้ที่เข้ามาชมเกือบ 180,000 คนตลอด 4 วัน

ในส่วนของการสนับสนุนกีฬามอเตอร์สปอร์ตนั้น ทาง PTG ทำธุรกิจเกี่ยวกับพลังงาน คือสถานีบริการน้ำมัน PT และน้ำมันหล่อลื่น PT Maxnitron ซึ่งได้ให้การสนับสนุนอย่างสมบูรณ์แบบและพยายามทำให้ พีที สงขลา กรังด์ปรีซ์ ไปสู่ระดับโลก และในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก Moto GP Thailand

สำหรับ “พีที แม็กซ์นิตรอน เรซซิ่ง ซีรีส์ 2024” ถือเป็นสนามตัดสิน Final Race เพื่อชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ครั้งแรกของรายการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ โดยมีถ้วยพระราชทานมากที่สุดถึง 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น Saim GT, รุ่น Saim Group N และรุ่น Saim Truck

พบกับการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ PT Maxnitron Racing Series 2024 รายการ พีที สงขลา กรังด์ปรีซ์ ซึ่งจะเริ่มสตาร์ทความเร็วอย่างเต็มรูปแบบเข้าชมฟรีตลอดงาน ระหว่างวันที่ 17-20 ต.ค. 2567 ณ หาดชลาทัศน์ จ.สงขลา