ส่องตลาดอาหารแช่แข็งอิตาลีโอกาสไทยเจาะตลาดเพิ่ม
สถาบันอาหารแช่แข็งของอิตาลี เผย ชาวอิตาลีนิยมบริโภคอาหารแช่แข็งมากขึ้นใน 5 เดือนแรก ปี 67 ชี้ปัจจัยหลักจากความสะดวกสบาย ขณะที่ 6 เดือนแรกไทยส่งออกอาหารแช่เย็น แช่แข็งไป อิตาลี มูลค่า 51.84 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 2.65% แนวโน้มสดใสต่อเนื่อง
KEY
POINTS
Key Point
- ปี 2566 อิตาลีมีการบริโภคอาหาร ผลิตภัณฑ์แช่แข็งมากกว่า 1 ล้านตัน
- ชาวอิตาลี นิยมบริโภคอาหารแช่แข็งมากที่สุด คือ ผักแช่แข็ง
- 6 เดือนปี 2567 ไทยส่งออกอาหารแช่เย็น แช่แข็งดังกล่าวมาอิตาลี มูลค่า 51.84 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 2.65%
เว็ปไซต์จากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี รายงานถึงแนวโน้มตลาดอาหารแช่แข็งในประเทศอิตาลีว่า สถาบันอาหารแช่แข็งของอิตาลี (Iias-Istituto Italiano Alimenti Surgelati) ระบุ ว่า ในปี 2566 อิตาลีมีการบริโภคอาหาร ผลิตภัณฑ์แช่แข็งมากกว่า 1 ล้านตัน คิดเป็นการบริโภคเฉลี่ยต่อหัวต่อปี ที่สูงถึง 17.2 กิโลกรัมต่อคน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.4% (ภายในระยะเวลา 1 ปี) ซึ่งถือเป็นการขยายตัวที่มีแนวโน้มที่ดีมาก
โดยการบริโภคอาหารแช่แข็งที่บ้านมีปริมาณมากกว่า 645,000 ตัน หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 10% เมื่อเทียบกับปี 2562 สำหรับมูลค่าการซื้อขายอาหารผลิตภัณฑ์แช่แข็งในอิตาลีมีมูลค่าสูงถึง 5.8 พันล้านยูโร ขยายตัวเพิ่มขึ้น 6.5% แต่การจำหน่ายพิซซ่าแช่แข็ง และอาหารพร้อมรับประทานแช่แข็ง กลับมีการชะลอตัวในการบริโภค
โดยช่องทางการจำหน่ายสินค้า ผลิตภัณฑ์แช่แข็งมีการเปลี่ยนแปลงตามความต้องการของผู้บริโภค ได้แก่ ร้านค้าปลีก ซูเปอร์มาร์เก็ต มูลค่าจำหน่ายลดลง -1.1% การจัดส่งถึงบ้าน (delivery) มูลค่าจำหน่ายลดลง -8% และอีคอมเมิร์ซ มูลค่าจำหน่ายลดลง 5% ในขณะที่ ร้านอาหาร บาร์ กลับมีมูลค่าจำหน่ายเพิ่มขึ้น 5.3%
สถาบันอาหารแช่แข็งของอิตาลี ยังระบุอีกว่า การบริโภคอาหารแช่งแข็งในอิตาลียังคงมีแนวแนวโน้มที่ดีตลอดช่วง 5 เดือนแรกของปี 2567 โดยปริมาณการบริโภคอาหารแช่แข็งที่เป็นที่นิยมมากที่สุด คือ ผักแช่แข็ง มีปริมาณมากกว่า 215,000 ตัน ลดลง 1.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565
โดยผักแช่แข็งที่พร้อมรับประทานได้รับการบริโภค เพิ่มขึ้น 3.7% ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของ “อาหารเพื่อความสะดวกสบาย” โดยความง่ายในการบริโภคผักแช่แข็ง ได้ส่งผลให้มันฝรั่งกลายเป็นผักแช่แข็งที่ติดอันดับ 2 โดยมีการปริมาณการซื้อถึง 110,500 ตัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 8% และผลิตภัณฑ์ปลาแช่แข็งมีปริมาณ 92,500 ตัน
ปี 2566 การบริโภคอาหารพร้อมรับประทานแช่แข็ง มีปริมาณการบริโภคกว่า 66,600 ตัน ลดลง 1.1% (แต่เพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ใน 3 นับตั้งแต่ปี 2562) สำหรับการบริโภคพิซซ่าแช่แข็งมีปริมาณ 63,500 ตัน ลดลง 6.2% เมื่อเทียบกับปี 2565 อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันกระบวนการผลิตอาหารแช่แข็งมีการนำนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น รูปแบบและส่วนผสมใหม่ๆ เพื่อให้สามารถตอบสนองกับความต้องการที่แตกต่างกันของผู้บริโภค สำหรับการบริโภคอาหารจานพิเศษแช่แข็ง อาทิ แพนเค้กและผลิตภัณฑ์อื่นๆ มีปริมาณ 33,300 ตัน และเนื้อสัตว์แช่แข็ง มีปริมาณการบริโภค 15,700 ตัน ลดลง -3%
ภาพรวมแล้วการบริโภคอาหารแช่แข็งในอิตาลีมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก มาจากปัจจัยของช่วงที่เกิดการ ล็อกดาวน์ระยะเวลา 2 ปี (พ.ศ. 2563-2564) ซึ่งส่งผลให้การบริโภคภายในประเทศเติบโตอย่างโดดเด่น ขยายตัวเพิ่มขึ้น 14% ในปี 2564 เมื่อเทียบกับปี 2562 โดยมาตรการล็อคดาวน์ของรัฐบาลอิตาลีได้เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคภายในประเทศไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งผู้บริโภคได้หันมาเลือกซื้อสินค้าอาหารที่ปรุงง่าย และรวดเร็วยิ่งขึ้น
ทั้งนี้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมิลาน (สคต.)ประเทศอิตาลี ให้ความคิดเห็นว่า ตลาดอาหารแช่แข็งในอิตาลีถือเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมที่มีการพัฒนาและแข่งขันทางนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคที่ต้องการอาหารที่มีความปลอดภัยสูง และมีคุณภาพใกล้เคียงกับอาหารสด รวมถึงมีคุณค่าทางโภชนาการที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพที่ครบสมบูรณ์
ที่ผ่านมา ไทยส่งออกสินค้าอาหารแช่แย็น แช่แข็งมายังอิตาลีมีจำนวนหลายรายการ ได้แก่ กุ้ง ปลาหมึก และปลา โดยปี 2566 ไทยส่งออกสินค้าอาหารแช่แย็น แช่แข็ง มายังอิตาลี มูลค่า 75.85 ล้านดอลลาร์หดตัว 26% ในขณะที่ ปี 2567 ตั้งแต่เดือน ม.ค. – มิ.ย.ไทยส่งออกอาหารแช่เย็น แช่แข็งดังกล่าวมาอิตาลี มูลค่า 51.84 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 2.65% โดยสินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกมากที่สุด คือ ปลาหมึก มีชีวิต สด แช่แย็น แช่แข็ง ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยมายังอิตาลี มูลค่า 46.68 ล้านดอลลาร์ หดตัวลดลง 5.49%
"ตลาดอาหารอิตาลี" ถือเป็นตลาดที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญในด้านคุณภาพและวัตถุดิบสำหรับการประกอบอาหาร โดยจะพบว่าอาหารพร้อมรับประทาน อาหารแช่แข็งจากไทยมีวางจำหน่ายในอิตาลีเพิ่มมากขึ้น แต่การบริโภคยังจำกัดอยู่กับชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในอิตาลี ที่นับวันจะหันมาสนใจอาหารเอเชียเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ ชาวอิตาเลียนเองก็เริ่มเปิดกว้างและหันมาสนใจอาหารเอเชียเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมิลาน มีความเห็นว่า ผู้ประกอบการไทยควรพิจารณานำเสนอสินค้าอาหารแช่แข็งในรูปแบบที่แตกต่างจากเดิม เน้นความสะดวกในการนำไปใช้ และราคาที่สามารถแข่งขันได้ในตลาด จะทำให้สินค้าอาหารแช่แข็งไทยสามารถบุกเข้าตลาดอิตาลีได้เพิ่มขึ้น และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าท้องถิ่นได้อีกด้วย
โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีจำนวนร้านอาหารไทยและร้านอาหารเอเชียเปิดให้บริการเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก รวมถึงร้านค้าปลีกและซูเปอร์มาร์เก็ตมีการวางจำหน่ายสินค้าอาหารไทยเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคสามารถหาซื้อบริโภคได้สะดวกขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวข้างต้นถือเป็นแรงผลักดันที่สำคัญที่จะทำให้ความต้องการบริโภคอาหารแช่แข็งจากไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นในตลาดอิตาลีไม่มากก็น้อย