‘อิตาเลียนไทย’ คว้างานสร้างรันเวย์ 2 สนามบินอู่ตะเภา’ วงเงิน 1.32 หมื่นล้าน
“อิตาเลียนไทย” คว้างานประมูลสร้างรันเวย์ 2 สนามบินอู่ตะเภา เสนอราคาต่ำสุด 1.32 หมื่นล้าน จากราคากลาง 1.52 หมื่นล้าน เตรียมทำสัญญากับกองทัพเรือ กำหนดระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี “ภูมิธรรม” ติดตามความคืบหน้าโครงการ คาดออก NTP ให้เอกชนสร้างโครงการสำคัญในพื้นที่ได้ภายในปี 2567
แหล่งข่าวจาก กองทัพเรือ เปิดเผยความคืบหน้าโครงการสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก ในส่วนของงานก่อสร้างทางวิ่ง (รันเวย์) ที่ 2 และทางขับซึ่งมีการเปิดประมูลให้ภาคเอกชนเข้ามาประมูลการก่อสร้างในโครงการ โดยมีเอกชนผ่านคุณสมบัติ 5 ราย ตามหลักเกณฑ์การประมูลโครงการก่อสร้างแบบนานาชาติ (International Bidding)
ล่าสุดคณะกรรมการคัดเลือกได้สรุปผลการคัดเลือกภาคเอกชนที่ชนะการประมูลการก่อสร้างโครงการนี้แล้วได้แก่ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ “ITD” ซึ่งเสนอราคาการประมูลก่อสร้าง 13,200 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลางที่กำหนดไว้ที่ 15,200 ล้านบาท ขณะที่อีก 4 บริษัทเสนอราคาการก่อสร้างสูงกว่า ITD ทุกราย โดยในการทำสัญญา ITD ต้องวางแบงก์การันตีเต็มจำนวนซึ่ง ITD ได้รับแบงก์การันตีจากสถาบันการเงินแห่งหนึ่งเรียบร้อยแล้ว
“หลังจากนี้คณะกรรมการคัดเลือกเตรียมจะประกาศผลการคัดเลือก จากนั้นกองทัพเรือในฐานะเจ้าของโครงการจะทำสัญญากับ ITD เพื่อเริ่มทำการก่อสร้าง โดยกำหนดระยะเวลาในการก่อสร้างโครงการนี้ให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปีนับจากวันที่เริ่มทำสัญญา” แหล่งข่าวระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (7 ส.ค.67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้าโครงการสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก ณ สนามบินอู่ตะเภา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ร่วมกับคณะที่เดินทางไปด้วยได้แก่ ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง
โดยมี ดร.ธาริศร์ อิสสระยั่งยืน รองเลขาธิการ สายงานโครงสร้างพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) พร้อมด้วยผู้แทนจากกองทัพเรือ และผู้แทนจากบริษัทเอกชนด้านงานก่อสร้าง และสาธารณูปโภคในพื้นที่สนามบินอู่ตะเภาฯ ร่วมบรรยายสรุป ถึงความก้าวหน้าการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ ในด้านต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในพื้นที่อีอีซี สร้างความมั่นใจ และดึงดูดการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายให้เข้าสู่พื้นที่อีอีซีต่อเนื่อง
นายภูมิธรรม กล่าวว่า การมารับฟังในส่วนของการพัฒนาโครงการโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในพื้นที่อีอีซี โดยเฉพาะโครงการสนามบินอู่ตะเภาฯ ในวันนี้ ถือเป็นการมาร่วมขับเคลื่อนสนามบินอู่ตะเภาฯ ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาพื้นที่อีอีซี และมีความยินดีที่วันนี้ ได้เกิดความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐโดย กองทัพเรือ และภาคเอกชน ที่จะร่วมกันสร้างความร่วมมือผลักดันให้โครงการฯ ได้เดินหน้าต่อเนื่อง
โดยในฐานะรองนายกฯ และในบทบาทประธานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือ เพื่อแก้ไขข้อติดขัดของโครงการในทุกด้าน เพื่อให้โครงการสำเร็จโดยเร็ว ผลักดันการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ ความก้าวหน้าการพัฒนา โครงการสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก ในส่วนของหน่วยงานรัฐ ที่สำคัญๆ อาทิ ด้านงานก่อสร้างทางวิ่งที่ 2 และทางขับ ซึ่งกองทัพเรือ ได้รับอนุมัติกรอบวงเงินจำนวน 16,210 ล้านบาท และ สกพอ. ได้ส่งมอบพื้นที่เขตส่งเสริมเมืองการบินภาคตะวันออก เพื่อให้ดำเนินการก่อสร้างโครงการฯ เป็นที่เรียบร้อย และอยู่ระหว่างกระบวนการคัดเลือกผู้รับเหมางานก่อสร้าง และที่ปรึกษาเพื่อควบคุมงานก่อสร้าง ด้านงานระบบสาธารณูปโภคที่จัดทำโดยภาครัฐ เช่น ระบบไฟฟ้า และน้ำเย็น โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ขนาด 15 เมกะวัตต์ มีความก้าวหน้า 95.13% งานระบบประปา และน้ำเสีย กำลังผลิตน้ำประปา 10,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน (เฟสแรก) ก่อสร้างแล้ว 100% ระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน มีความก้าวหน้าภาพรวม 50.16%
ในส่วนการประสานแจ้งให้เอกชนเริ่มก่อสร้างโครงการฯ (NTP) คาดว่าจะสามารถแจ้ง NTP ได้ภายในปี 2567 นี้ เพื่อเริ่มก่อสร้างงานสำคัญๆ เช่น อาคารผู้โดยสารหลังที่ 3 อาคารเทียบเครื่องบินรอง และศูนย์ธุรกิจการค้า เป็นต้น ซึ่งคาดว่าโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ จะสามารถเปิดให้บริการในปี 2572
โดยการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ จะก้าวสู่ศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาค เป็นสนามบินนานาชาติที่ได้มาตรฐานโลก รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบิน เชื่อมโยงการท่องเที่ยวสู่ภาคธุรกิจ เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และขนส่งทางอากาศแห่งภูมิภาค เพื่อสร้างความมั่นใจ และเป็นปัจจัยสำคัญดึงดูดให้นักลงทุนเข้าสู่พื้นที่อีอีซี
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์