ยอดจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ลุ้นทำนิวไฮ”พาณิชย์”คาด 90,000-98,000 ราย
“พาณิชย์” เผยครึ่งปี 67 ยอดจดบริษัทใหม่ ทะลุ 46,383 ราย คาดที่เหลือของปีนี้ มีลุ้นทำนิวไฮ 90,000-98,000 ราย เหตุมีปัจจัยหนุนเพียบ ทั้งการฟื้นตัวของการบริโภค การท่องเที่ยว การส่งออก และปิดท้ายด้วยการเข้ามาของเงินดิจิทัล วอลเล็ต
นายวิทยากร มณีเนตร โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ถึงสถิติการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่ในช่วง 6 เดือนของปี 2567 (ม.ค.-มิ.ย.) ปรากฏว่า มีการตั้งใหม่รวม 46,383 ราย ลดลงเล็กน้อย 1.91% แต่ก็ถือว่าอยู่ในทิศทางที่ดี เพราะหากดูยอดเฉลี่ยต่อเดือน ตั้งใหม่ถึงเดือนละ 7,700 ราย เป็นตัวเลขที่ดี โดยมีทุนจดทะเบียนจัดตั้งสะสม 6 อยู่ที่ 145,078.60 ล้านบาท ลดลง 66.15%
เพราะช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มีบริษัทมูลค่าทุนจดทะเบียนเกิน 100,000 ล้านบาท ควบรวมกิจการและแปรสภาพจำนวน 2 บริษัท ได้แก่ การควบรวมกิจการระหว่าง บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เดิมและ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น เป็น บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ใหม่โดยมีทุนจดเบียนอยู่ที่ 138,208.40 ล้านบาท และการแปรสภาพบริษัทจำกัด มาเป็นบริษัทมหาชนจำกัด ของ บมจ.บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น ซึ่งอยู่ภายใต้กลุ่มทุนไทยเบฟเวอเรจ ซึ่งมีมูลค่าทุนกว่า 124,435.03 ล้านบาท จึงทำให้ทุนในปี 2566 สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
ส่วนยอดจดทะเบียนเลิก มีจำนวน 6,039 ราย ลดลง 14.91% ทุนจดทะเบียน 76,748.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.72% เพราะ 6 เดือนของปี 2567 มีธุรกิจที่มีทุนจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 4 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 52,794.05 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจผลิตเครื่องดื่ม 1 ราย ธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ไม้ 1 ราย ธุรกิจเกี่ยวกับโทรคมนาคม 1 ราย และธุรกิจเกี่ยวกับเช่าห้องชุดพักอาศัย 1 ราย
ทั้งนี้ หากดูแนวโน้มการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่ในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่า จะยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง เพราะมีการประเมินว่า เศรษฐกิจโลกจะเติบโตประมาณ 2.6% ในปี 2567 เศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา เพิ่ม 4% และเศรษฐกิจไทย อยู่ในช่วงที่กำลังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภค ภายในประเทศ การท่องเที่ยว และการส่งออกที่ฟื้นตัวดีขึ้น
โดยในส่วนของการกระตุ้นการบริโภค รัฐบาลได้มีมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วง 3 เดือน ก่อนที่เงินดิจิทัล วอลเล็ตจะออกมา ด้วยการเพิ่มเงินในกระเป๋าผู้ประกอบการรายเล็ก พ่อค้าแม่ค้า ทั้งการลดต้นทุนค่าเช่าร้าน ค่าเช่าแผง จัดตลาดนัดพาณิชย์ ให้นำสินค้ามาขาย ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยให้พ่อค้าแม่ค้ามีรายได้ แต่ยังกระตุ้นการบริโภค ทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนดีขึ้น
ส่วนภาคการท่องเที่ยว ก็มีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงโลว์ซีซัน ที่จะดึงให้นักท่องเที่ยวมาไทยเพิ่มขึ้น และจะยิ่งเพิ่มขึ้นในช่วงไฮซีซันปลายปี จะทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร การขนส่ง และธุรกิจอื่น ๆ ได้รับอานิสงค์ตามไปด้วย
ขณะที่ภาคการส่งออก กระทรวงพาณิชย์จะเร่งจัดกิจกรรมผลักดันการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้อย่างเต็มที่ จะเดินหน้าเจาะและขยายตลาดใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น รวมทั้งใช้กลยุทธ์การตลาดรูปแบบใหม่มาสร้างโอกาสให้กับสินค้าไทย เช่น ที่ทำไปแล้ว คือ การผลักดันให้สินค้าและบริการไทยไปอยู่ในซีรีส์วาย และซีรีส์ยูริ เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นการบริโภค และการนำอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง มาไลฟ์สดขายสินค้าไทย ซึ่งกำลังจะเริ่มที่ตลาดจีนในเดือน ก.ย.2567 นี้ ทำให้มั่นใจว่าจะการส่งออกปีนี้จะทำได้ตามเป้า 1-2%
นอกจากนี้ ในช่วงปลายปี จะมีเงินดิจิทัลวอลเล็ตเข้ามา และตอนนั้นจะมีความคึกคักในด้านการจับจ่ายใช้สอย การหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ ซึ่งจากปัจจัยที่ว่ามาทั้งหมดนี้ ล้วนแต่เป็นตัวเร่งการเติบโตของเศรษฐกิจ ทำให้เศรษฐกิจคึกคักขึ้น และจะส่งผลดีต่อการจัดตั้งธุรกิจใหม่ในปีนี้ให้เพิ่มสูงขึ้น โดยคาดว่า ตัวเลขทั้งปี จะอยู่ที่ 90,000-98,000 ราย ซึ่งจะถือเป็นตัวเลขทำสถิตินิวไฮอีกครั้งหนึ่ง
ปัจจุบัน ณ วันที่ 30 มิ.ย.2567 มีการจดทะเบียนทั้งสิ้นจำนวน 1,923,618 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 30.19 ล้านล้านบาท โดยมีนิติบุคคลดำเนินกิจการอยู่จำนวน 922,508 ราย แบ่งออกเป็น บริษัทจำกัด 77.97% ห้างหุ้นส่วนจำกัดและห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 21.87% และบริษัทมหาชนจำกัด 0.16%