กรมส่งเสริมการเกษตร หนุนปลูก ‘มะลิ’ราคาดีขายได้ทั้งปี

กรมส่งเสริมการเกษตร หนุนปลูก ‘มะลิ’ราคาดีขายได้ทั้งปี

เมื่อเข้าสู่ช่วงสิงหาคมเป็นช่วงเทศกาลที่ต่างนึกถึงดอกมะลิ ดอกไม้ประจำวันแม่ ตัวแทนของความรัก และความกตัญญู เนื่องจากดอกมะลิ ถือเป็นสัญลักษณ์ของความรัก ความกตัญญู และความปรารถนาดี นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสทองของเกษตรกรชาวสวนมะลิที่ขายได้ราคาดี

นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า  ปัจจุบันพื้นที่ปลูกดอกมะลิในประเทศ ประมาณ 2,200 ไร่ แหล่งผลิตที่สำคัญ ได้แก่ จังหวัดนครปฐม นครสวรรค์ พิจิตร ปทุมธานี และจังหวัดสมุทรสาครมีปริมาณผลผลิตเฉลี่ย 850 - 1,100 กิโลกรัม/ไร่ ราคาขายในปี 2566/67 ช่วงระหว่างเดือนมีนาคม - เดือนกรกฎาคม และเดือนกันยายน - เดือนตุลาคม เฉลี่ยอยู่ที่ 250 - 700 บาท/กิโลกรัม และราคาขายมีการปรับตัวสูงขึ้นในเดือนสิงหาคม และระหว่างเดือนพฤศจิกายน - เดือนกุมภาพันธ์ เฉลี่ยอยู่ที่ 700 - 1,500 บาท/กิโลกรัม

กรมส่งเสริมการเกษตร หนุนปลูก ‘มะลิ’ราคาดีขายได้ทั้งปี กรมส่งเสริมการเกษตร หนุนปลูก ‘มะลิ’ราคาดีขายได้ทั้งปี

สำหรับสายพันธุ์มะลิที่นิยมปลูกเป็นการค้ามะลิที่นิยมปลูกเพื่อใช้สำหรับเป็นการค้าโดยส่วนใหญ่ ได้แก่ มะลิลา ซึ่งมะลิลา จะมี 3 สายพันธุ์ที่เป็นพันธุ์ส่งเสริม ได้แก่ พันธุ์เเม่กลอง มีลักษณะทรงพุ่มใหญ่ หนาเเละเเน่นทึบ เจริญเติบโตเร็ว ดอกใหญ่กลมเเละมีช่อดอก 1 ชุด ชุดละ 3 ดอก

กรมส่งเสริมการเกษตร หนุนปลูก ‘มะลิ’ราคาดีขายได้ทั้งปี

พันธุ์ราษฎ์บูรณะ ลักษณะ ทรงพุ่มเล็กกว่าพันธุ์แม่กลองเเละค่อนข้างทึบ ใบเล็กกว่า ดอกเล็กเรียวเเหลมเเละมีช่อดอก 1-2 ชุด ชุดละ 3 ดอกเเละให้ผลผลิตค่อนข้างสม่ำเสมอ และพันธุ์ชุมพร มีลักษณะคล้ายพันธุ์ราษฎ์บูรณะ เเต่ทรงพุ่มโปร่งกว่าเล็กน้อยใบคล้ายพันธุ์ราษฎณ์บูรณะเเต่เรียวกว่า สี มีดอกมากกว่า 2 ชุด ชุดละ 3 ดอก เเละให้ผลผลิตปริมาณมาก แต่ไม่สม่ำเสมอ

ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรเล็งเห็นความสำคัญของดอกมะลิ ที่มีเป็นดอกไม้แห่งคุณค่า เพื่อสร้างโอกาสด้านรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกดอกมะลิ จึงได้ส่งเสริม เกษตรกรสามารถปลูกมะลิให้เก็บขายได้ตลอดทั้งปี ซึ่งเกษตรกรควรมีการวางผังเเปลงเเละการเตรียมพื้นที่ให้เหมาะสม การตัดเเต่งกิ่งหลังจากเก็บเกี่ยว

กรมส่งเสริมการเกษตร หนุนปลูก ‘มะลิ’ราคาดีขายได้ทั้งปี

ซึ่งโดยส่วนมากหลังจากปลูกมะลิเป็นเวลานาน มะลิจะเเตกกิ่งก้านสาขามากมาย ควรตัดเเต่งทรงพุ่มให้โปร่ง รวมทั้งตัดแต่งกิ่ง จะช่วยให้มะลิมีทรงพุ่มที่สวยงามโรคเเละเเมลงลดน้อยลง ต้นมะลิมีอายุยืนยาวขึ้น และทำให้เกษตรมีความสะดวกง่ายต่อการปฎิบัติงาน

 

นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้เกษตรกรในการใช้ระบบน้ำหยด เนื่องจากมะลิเป็นพืชที่ต้องการน้ำพอสมควร จึงควรให้ต้นมะลิได้รับน้ำ อย่างสม่ำเสมอ และไม่ควรให้น้ำมากเกินไป ทั้งนี้การให้น้ำขึ้นอยู่กับสภาพของดิน การให้น้ำโดยระบบน้ำหยดเป็นวิธีการที่เหมาะสมต่อการให้น้ำในต้นมะลิเนื่องจากเป็นระบบที่สามารถให้น้ำมะลิได้อย่างสม่ำเสมอ เเละเหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำไม่มาก

นอกจากนี้ยังสามารถติดตั้งระบบการให้ปุ๋ยผ่านระบบน้ำ สำหรับวิธีการให้ปุ๋ยผ่านระบบน้ำเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ลดการใช้เเรงงานคน โดยสูตรปุ๋ยที่เหมาะสมต่อต้นมะลิคือปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือปุ๋ยสูตร 16-16-16 ซึ่งอัตราการใส่ปุ๋ยขึ้นอยู่กับความกว้างของทรงพุ่มโดยใส่ปุ๋ย รวมถึงการฉีดพ่นบิ๊กทางใบ อัตรา 2 ซีซี ต่อน้ำ 1 ลิตร ฉีดพ่นทางใบทุก 7-10 วัน เพื่อช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโต ทำให้ ต้น ใบ ดอก สมบูรณ์ เเละส่งเสริมการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับพืชทำให้พืชทนต่อสภาวะเเวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น อากาศร้อนจัดทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ

กรมส่งเสริมการเกษตร หนุนปลูก ‘มะลิ’ราคาดีขายได้ทั้งปี

ทั้งนี้ ในปี 2568 กรมส่งเสริมการเกษตรมีการกำหนดแนวทางการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพดอกมะลิพร้อมพัฒนาและส่งเสริมเทคโนโลยีการผลิตมะลิให้ได้คุณภาพ ปริมาณตรงตามความต้องการของตลาดสอดคล้องกับนโยบาย ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์