3 เมกะโปรเจกต์รัฐดึงลงทุน 1.5 ล้านล้าน แลนด์บริดจ์ - กาสิโน - ถมทะเลกันน้ำท่วม
รัฐบาลเดินหน้า 3 เมกะโปรเจกต์ “ถมทะเลอ่าวไทย - แลนด์บริดจ์ - กาสิโน” 1.5 ล้านล้านบาท จ่อลงทุนโครงการใหญ่ป้องกันน้ำท่วม สร้างเขื่อนกันน้ำทะเลเชื่อม 100 กิโลเมตร ให้สัมปทานเอกชน 99 ปี “สุริยะ” เร่งแลนด์บริดจ์ 2 ฝั่งระนอง - ชุมพร "เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ลงทุนระดับ 1 แสนล้าน
KEY
POINTS
- รัฐบาลเดินหน้า 3 เมกะโปรเจกต์ “ถมทะเลอ่าวไทย-แลนด์บริดจ์-กาสิโน” ลงทุนอย่างน้อย 1.5 ล้านล้านบาท
- จ่อลงทุนโครงการใหญ่ป้องกันน้ำท่วม กทม.ถมทะเล 9 เกาะ สร้างเขื่อนกันน้ำทะเลเชื่อม 100 กิโลเมตร ปิดพื้นที่อ่าวรูปตัว ก. ให้สัมปทานเอกชนที่ลงทุนบริหาร 99 ปี
- “สุริยะ” เร่งแลนด์บริดจ์ 2 ฝั่งระนอง-ชุมพร 1 ล้านล้านบาท ขณะที่ "เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ตั้งเงื่อนไขลงทุน กทม.ระดับ 1 แสนล้าน
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมที่จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาวันที่ 12-13 ก.ย.2567 โดยจะเดินหน้านโยบายหลายด้านจากรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน โดยเฉพาะการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
โครงการสำคัญขนาดใหญ่ที่รัฐบาลแผนดำเนินการเพื่อ New Growth Engine ให้กับประเทศ ประกอบด้วย
- โครงการสะพานเศรษฐกิจภาคใต้ (โครงการแลนด์บริดจ์)
- โครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
- โครงการสร้อยไข่มุกอ่าวไทย ซึ่งเป็นโครงการป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ และปริมณฑลจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นจากภาวะโลกร้อน และสร้างพื้นที่เศรษฐกิจใหม่
“กรุงเทพธุรกิจ” รวบรวมรายละเอียด และความคืบหน้าของทั้ง 3 โครงการที่รัฐบาลจะผลักดันการลงทุน และหากดำเนินการเรียบร้อยจะเกิดเม็ดเงินลงทุนจากภาคเอกชนไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย
1.โครงการป้องกันน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพฯ และปริมณฑลจากภาวะโลกร้อนที่รุนแรงขึ้นทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นทั่วโลก และทำให้หลายพื้นที่เสี่ยงเกิดภาวะน้ำท่วมมากขึ้น รวมทั้งพื้นที่ดังกล่าวเสี่ยงถูกน้ำท่วมจึงต้องวางแผนป้องกันน้ำท่วมขนาดใหญ่
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แสดงวิสัยทัศน์ บนเวที Vision for Thailand 2024 จัดโดยเนชั่น กรุ๊ป ว่า “ผมพูดนานแล้วแต่ยังไม่ได้ทำคือ การถมทะเลบางขุนเทียน ปากน้ำ เพื่อให้ได้พื้นที่ ขยายความแออัดของ กทม. ส่วนหนึ่ง และทำให้เป็นเมืองสีเขียว และเป็นเมืองใหม่ให้รถไฟฟ้าวิ่งมีรถไฟเชื่อม และป้องกันน้ำท่วม กทม.ได้ เราต้องเตรียมการป้องกันน้ำท่วม กทม.ตั้งแต่วันนี้”
นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการนโยบายสิ่งแวดล้อม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การป้องกันน้ำท่วม กทม.และพื้นที่โดยรอบเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยศึกษานานแล้วโดยพบว่าโลกร้อนมีความรุนแรงน้ำแข็งขั้วโลกละลายสูงมาก ซึ่งเป็นเรื่องหารือในองค์การสหประชาชาติ (UN)ถึงน้ำทะเลสูงขึ้น และจะมีพื้นที่จำนวนมากจมน้ำ
เช่นเดียวกับอ่าวไทยที่น้ำทะเลจะสูงขึ้น ซึ่งโมเดลที่มีการทำ และในกรณีที่มีภาวะโลกร้อนสูงสุด น้ำแข็งละลายสูงสุดน้ำทะเลในอ่าวไทยจะสูงขึ้นถึง 5-6 เมตร ทำให้น้ำท่วมพื้นที่ด้านอ่าวตัว ก.บริเวณอ่าวไทยกินพื้นที่การท่วมในพื้นที่ลุ่มถึง 16,000 ตารางกิโลเมตร
ทั้งนี้ จะทำให้ฝั่งอ่าวไทยอยู่ที่ จ.ลพบุรี จ.สระบุรี จ.อุทัยธานี โดยน้ำจะท่วมกรุงเทพฯ นนทบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปราจีนบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี และชลบุรี บางส่วน ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่ป้องกันเพื่อไม่ให้กระทบเศรษฐกิจ และประชาชน
รวมทั้งแม้ระยะเวลาสั้น 2-5 ปี ข้างหน้า การป้องกันทำเช่นปัจจุบันได้ด้วยการเสริมพนังกั้น หรืออุดรอยรั่วพนัง และเขื่อนที่สร้างก่อนหน้านี้ ซึ่งขณะนี้ กทม.ได้ทำช่วงที่ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามากขึ้น แต่ระยะถัดไปเมื่อน้ำทะเลหนุนสูงขึ้นจากโลกร้อนจะทำให้แนวทางดังกล่าวไม่เพียงพอ จึงต้องพิจารณาสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จะป้องกันน้ำทะเลท่วมพื้นที่ซึ่งมีความแข็งแรง และใช้งานต่อระยะยาว
สร้าง 9 เกาะตามชายฝั่ง 100 กิโลเมตร
สำหรับทางออกอยู่ที่การสิ่งปลูกสร้างในทะเลลักษณะเกาะซึ่งเบื้องต้นอาจมีเกาะ 9 เกาะ และให้แต่ละเกาะมีเขื่อนเป็นแนวกั้นน้ำ และมีประตูเปิด-ปิดได้ซึ่งเกาะแรกจะสร้างในพื้นที่ชายทะเลบางขุนเทียน จากนั้นจะสร้างเกาะอื่นไปถึงชลบุรี รวมระยะทางตลอดอ่าวตัว ก.ประมาณ 100 กิโลเมตรโดยพื้นที่เกาะจะมีขนาด 50 ตารางกิโลเมตร และสร้างห่างจากชายฝั่งไป 1 กิโลเมตร มีถนนเชื่อมชายฝั่ง
สำหรับการลงทุนจะให้เอกชนดำเนินการโดยเอกชนจะได้สัมปทาน 99 ปี ซึ่งพัฒนาเกาะใช้ประโยชน์หลายรูปแบบเช่น การท่องเที่ยวที่เป็นแลนด์มาร์คใหม่เมืองใหม่ที่เป็นสมาร์ต ซิตี หรือกรีน ซิตี ซึ่งจะติดตั้งกังหันลมหรือโซลาร์เซลล์
รวมทั้งเมื่อหมดสัมปทานแล้วพื้นที่นี้จะเป็นของภาครัฐ ซึ่งแนวความคิดนี้ทำให้เกิดประโยชน์ทั้งภาครัฐที่ได้โครงสร้างพื้นฐานในการป้องกันน้ำท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ และพื้นที่ลุ่มใน กทม.และปริมณฑล รวมทั้งป้องกันพื้นที่ลุ่มภาคกลางที่จะถูกน้ำทะเลท่วมในอนาคต
“โครงการนี้มีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่าโครงการสร้อยไข่มุกอ่าวไทย ซึ่งเป็นโครงการใหม่มาก แต่จำเป็นที่รัฐบาลต้องตัดสินใจว่าจะเดินหน้าหรือไม่ เพราะต้องแข่งกับเวลา และต้องใช้เวลาสร้างกว่า 20 ปี และจะเป็นโครงการที่ใช้เงินในการก่อสร้างมากที่สุดในประวัติศาสตร์เท่าที่ประเทศไทยเคยลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน" นายปลอดประสพ กล่าว
สำหรับการเดินหน้าจะสร้างเกาะชายทะเลบางขุนเทียนเป็นแห่งแรก และหากเริ่มทำได้ก่อนในรัฐบาลนี้จะดีเพราะจะทำให้เกิดการลงทุนต่อเนื่องในพื้นที่อื่น
เดินหน้าลงทุนแลนด์บริดจ์ 1 ล้านล้านบาท
2.โครงการแลนด์บริดจ์ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุถึงแนวทางการดำเนินงานในช่วงรัฐบาลใหม่จะสร้างท่าเรือน้ำลึก 2 ฝั่งทะเลอ่าวไทย และอันดามัน เพื่อสร้างโอกาสทางการขนส่งสินค้า และการเดินทางที่คุ้มการลงทุน และปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนโครงการรูปแบบนี้
“การพัฒนาท่าเรืออันดามันแค่ฝั่งเดียว เป็นมุมมองของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร จึงยืนว่า อดีตนายกฯ ทักษิณ ไม่ได้ครอบงำนโยบาย โดยกระทรวงคมนาคม ยังเดินหน้าตามแผนเดิม”
สำหรับการร่างเอกสารเชิญชวนผู้ลงทุนในการร่วมลงทุนโครงการ (RFP) จะเสร็จไตรมาส 1 ปี 2569 และคัดเลือกผู้ลงทุนเสร็จไตรมาส 2 ปี 2569 จากนั้นจะออก พ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดิน และเสนอ ครม.อนุมัติโครงการในไตรมาส 2 ปี 2569 และคาดว่าเริ่มก่อสร้างระยะที่ 1 ในไตรมาส 3 ปี 2569 เสร็จพร้อมเปิดให้บริการปลายปี 2573
"แลนด์บริดจ์" ลงทุน 1 ล้านล้าน
นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า ผลการศึกษาใช้วงเงินลงทุนรวม 1 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น โครงการท่าเรือฝั่งชุมพร 3 แสนล้านบาท , โครงการท่าเรือฝั่งระนอง 3.3 แสนล้านบาท , โครงการพัฒนาพื้นที่เปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้า (SRTO) 1.4 แสนล้านบาท และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเส้นทางเชื่อมโยงท่าเรือ วงเงิน 2.2 แสนล้านบาท
“สนข.เตรียมประมูลแลนด์บริดจ์พร้อมกันทั้งโครงการ 1 ล้านล้านบาท และเพื่อความคล่องตัวทางการลงทุนจะประมูลสัญญาเดียว เพื่อมอบสิทธิบริหารโครงการให้เอกชนทั้งท่าเรือน้ำลึกชุมพร-ระนอง รวมถึงมอเตอร์เวย์ และโครงการรถไฟ แต่หากเอกชนรายใดสนใจลงทุนบางส่วนก็รวมกลุ่มกิจการร่วมค้า เข้าร่วมประมูลทั้งโครงการ และแบ่งการบริหารภายในได้”
นอกจากนี้ จะใช้รูปแบบ International Bidding ให้สิทธิเอกชนไทยและต่างประเทศลงทุน 100% โดยรัฐรับผิดชอบเวนคืนที่ดิน และจะให้ต่างชาติถือหุ้นเกิน 50% และเอกชนจะได้สัมปทาน 50 ปี ซึ่งประเมินว่าเป็นช่วงสัญญาสัมปทานที่จะจูงใจเอกชน และคุ้มค่าการลงทุน
"คลัง" นัดถกร่าง กฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์ฯ
3.โครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า รัฐบาลผลักดันกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร หรือ “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” โดยกระทรวงการคลังรับฟังความคิดเห็นแล้ว และกระทรวงการคลังนัดหารือทุกฝ่ายวันที่ 10 ก.ย.นี้ หลังจากนี้เป็นขั้นตอนเสนอร่างกฎหมายต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.)
"มีหลายประเด็นที่เสนอมา ส่วนข้อถกเถียงค่าใบอนุญาต หรือการเก็บค่าเข้ากาสิโน ซึ่งมีคนไม่เห็นด้วยต้องหารือกัน เพราะรายละเอียดนี้กำหนดไว้ในบัญชีแนวท้ายที่ปรับเปลี่ยนได้”
สำหรับความเห็นต่างของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในขนาดการก่อสร้างระหว่างการสร้างโครงการใหญ่ที่ลงทุนพื้นที่ศักยภาพ และการลงทุนโครงการขนาดเล็กกระจายทุกจังหวัด และในที่สุดไทยเลือกลงทุนโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นโมเดลสิงคโปร์เพราะรัฐบาลต้องการเมกะโปรเจกต์ หากลงทุนแต่ละแห่งต้องระดับ 1 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ กาสิโนจะอยู่ในพื้นที่ไม่เกิน 10% ของโครงการทั้งหมด แต่จะก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างส่วนอื่น เช่น คอนเสิร์ตฮอลล์ โรงแรมหรู ห้างสรรพสินค้า
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เบื้องต้นประเมินการลงทุนที่ 3-5 แสนล้านบาท โดยใน กทม.คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 3 แห่ง ซึ่งลงทุนไม่ต่ำกว่าแห่งละ 1 แสนล้านบาท ขณะที่ต่างจังหวัดที่จะมีการลงทุนคาดว่าจะมีการลงทุนในจังหวัดท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ 4 แห่ง โดยจะมีเงินลงทุนแห่งละ 5 หมื่นล้าน
นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กล่าวว่า หากรัฐบาลมีนโยบายพัฒนาโครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในท่าเรือคลองเตยที่อาจมีกิจกรรมไม่สอดคล้องต่อ พ.ร.บ.การท่าเรือแห่งประเทศไทย ก็อาจแก้กฎหมายได้ขึ้นกับนโยบายรัฐบาล
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์