'สุรพงษ์' ดันลงนามสัญญา 4 - 5 'ไฮสปีดไทย-จีน' ต.ค.นี้ เคลียร์ปมกระทบมรดกโลก

'สุรพงษ์' ดันลงนามสัญญา 4 - 5 'ไฮสปีดไทย-จีน' ต.ค.นี้ เคลียร์ปมกระทบมรดกโลก

“สุรพงษ์” เร่งสางปัญหา ไฮสปีดเทรน ไทย-จีน เฟสแรก เตรียมชง แพทองธาร เคาะปมสร้างสถานีอยุธยา ตั้งเป้าลงนามสัญญา 4 - 5 ช่วงบ้านโพ – พระแก้ว ภายในเดือนต.ค.นี้ มั่นใจเคลียร์จบปมยูเนสโกหวั่นสร้างสถานีอยุธยา กระทบมรดกโลก พร้อมขีดเส้น 14 สัญญาต้องก่อสร้างแล้วเสร็จเปิดบริการปี 71

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความความหน้า โครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย - จีน (ไฮสปีดเทรน ไทย - จีน) ช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร -  นครราชสีมา) โดยระบุว่า ปัจจุบันงานโยธาทั้ง 14 สัญญา พบว่าคืบหน้าไม่สอดคล้องกัน รวมทั้งปัจจุบันยังมีอีก 2 สัญญาที่ยังไม่เริ่มดำเนินการก่อสร้าง ประกอบด้วย

สัญญา 4 - 1 ช่วงบางซื่อ - ดอนเมือง ซึ่งเป็นสัญญามีงานโยธาทับซ้อนกับโครงการไฮสปีดเทรนเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) ปัจจุบันได้ความชัดเจนแล้วว่าทางคู่สัญญาไฮสปีดเชื่อมสามสนามบินจะเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง น่าจะได้ข้อสรุปแก้ไขสัญญาเร็วๆ นี้

และสัญญา 4 - 5 ช่วงบ้านโพ - พระแก้ว ซึ่งปัจจุบันการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ประกวดราคาได้ผู้เสนอราคาต่ำสุดคือ บริษัท บุญชัยพาณิชย์ (1979) จำกัด แต่ยังไม่สามารถลงนามก่อสร้างได้ เนื่องจากติดปัญหาก่อสร้างพื้นที่สถานีอยุธยา ที่มีข้อท้วงติงจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) หรือ ยูเนสโก ว่าการก่อสร้างสถานีอาจมีความเสี่ยงกระทบต่อมรดกโลก

อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าทางยูเนสโก ไม่ได้คัดค้านต่อการก่อสร้าง สถานีอยุธยา เพียงแต่สอบถามเพื่อยืนยันข้อมูลเท่านั้น แต่ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้ตอบกลับข้อมูลดังกล่าว ทำให้ยูเนสโกต้องทำหนังสือทวงถาม ซึ่งปัจจุบันกระทรวงฯ ได้ชี้แจงทุกข้อมูลแล้ว และมั่นใจว่าการก่อสร้างสถานีอยุธยาจะไม่ขัดต่อการเป็นมรดกโลก

สืบเนื่องจากกระทรวงฯ ได้ตรวจสอบยืนยันข้อมูลแล้วว่า ตำแหน่งของการก่อสร้างสถานีอยุธยาไม่ได้อยู่ในพื้นที่กระทบต่อเมืองมรดกโลก นอกจากนี้ยังได้ปรับแบบก่อสร้างด้วยการลดความสูงของสถานีลงจากเดิม 19 เมตร เหลือ 17 เมตร และแบบก่อสร้างที่ทางยูเนสโกกังวลสอบถามมานั้น ได้รับการยืนยันว่าไม่ใช่แบบที่จะมีการก่อสร้างในปัจจุบัน ดังนั้นมั่นใจได้ว่าการดำเนินงานตามแผนล่าสุด จะไม่กระทบต่อข้อกังวลของยูเนสโก

“ยังไงเราก็ต้องสร้างรถไฟความเร็วสูงสายนี้ และต้องมีสถานีอยุธยา ซึ่งทางยูเนสโกก็ไม่ได้คัดค้าน เพียงแต่ทำหนังสือสอบถามข้อมูล แต่เพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้มีการตอบกลับให้ข้อมูลกับทางยูเนสโกมาเป็นปี ทำให้เขากังวลใจ ซึ่งขณะนี้เราได้ชี้แจงไปหมดแล้ว เชื่อว่าหลังจากนี้จะลงนามสัญญาได้ เพราะข้อกังวลของทางยูเนสโกก็ไม่ได้มีผลทางกฎหมายที่จะห้ามก่อสร้าง”

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า สัญญา 4 - 5 ช่วงบ้านโพ - พระแก้ว ตอนนี้ถือว่าได้ข้อสรุปแล้วที่จะต้องเดินหน้าต่อ โดยคาดว่าภายหลังแถลงนโยบายรัฐบาล จะมีการเร่งรัดลงนามสัญญากับเอกชนผู้ชนะการประมูลได้ภายในเดือนต.ค.นี้ แต่อย่างไรก็ดี ถือเป็นเรื่องที่กระทรวงฯ ต้องรายงานให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง เพราะต้องเรียนให้นายกฯ ทราบถึงความเสี่ยงด้วย

ทั้งนี้ กระทรวงฯ มั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการแก้ไขทุกปัญหา และผลักดันให้ 14 สัญญาโครงการไฮสปีดเทรนสายนี้ให้สามารถก่อสร้าง และแล้วเสร็จเปิดบริการภายในปี 2571 โดยภายหลังแถลงนโยบายรัฐบาล ตนจะตั้งคณะทำงานเพื่อหารือร่วมกับผู้รับผิดชอบงานก่อสร้างทั้ง 14 สัญญา มาบูรณาการงานร่วมกัน และผลักดันให้โครงการก่อสร้างคืบหน้าแล้วเสร็จในระยะเวลาใกล้เคียงกัน รวมไปถึงนำไปเป็นต้นแบบของการทำงานก่อสร้างโครงการระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา – หนองคาย

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์