ล้างมรดกหนี้ 2 แสนล้าน ภารกิจ 'วีริศ' ผู้ว่าฯ รฟท.คนใหม่

ล้างมรดกหนี้ 2 แสนล้าน ภารกิจ 'วีริศ' ผู้ว่าฯ รฟท.คนใหม่

"วีริศ อัมระปาล" ตั้งเป้าล้างหนี้การรถไฟ 2 แสนล้านใน 4 ปี กางแผนหารายได้ เล็งเปิดพีพีพี ดึงเอกชนเช่าใช้ราง ฟื้นโครงการไอซีดีลาดกระบัง เร่งประมูลที่ดินแปลงใหญ่ พร้อมเจรจา "คลัง" ปรับโครงสร้างหนี้บริการเชิงสังคม

การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นหนึ่งในรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในขั้นตอนฟื้นฟูกิจการ หลังจากมีหนี้สะสมมากกว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งสาเหตุบางส่วนมาจากการวิ่งให้บริการรถไฟเชิงสังคม และข้อเท็จจริงพบว่า ภาครัฐจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) ไม่ครบตามที่กำหนดดังนั้น ถือเป็นภารกิจสำคัญที่ผู้ว่าการฯ คนใหม่จะเข้ามาบริหารจัดการองค์กรให้กลับมามีกำไรอีกครั้ง

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยภายหลังลงนามสัญญาว่าจ้าง และเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการฯ อย่างเป็นทางการ วานนี้ (19 ก.ย.2567) โดยระบุว่า การบริหารงานในยุคตน 4 ปีนี้ จะเร่งรัดแก้หนี้สะสมของ รฟท. ที่มีอยู่ 2.3 แสนล้านบาท 

พร้อมทั้งเร่งหารายได้จากสินทรัพย์ที่มีอยู่ อาทิ การเปิดกว้างจัดหาเอกชนเข้ามาเช่าใช้รางรถไฟทั้งในรูปแบบเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการรัฐ (พีพีพี) และการหาพันธมิตรที่เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งสามารถทำสัญญาร่วมกันในการเช่าใช้รางได้ทันที โดยเรื่องนี้สามารถทำได้ทันที นอกจากหารายได้เข้าองค์กรแล้ว ยังลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ของการขนส่งสินค้าในประเทศด้วย

ขณะเดียวกัน จะนำผลศึกษาโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุ และแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบังมาทบทวน และเร่งรัดการลงทุน เนื่องจากโครงการนี้จะเกิดประโยชน์ต่อการขนส่งสินค้าให้สะดวกมากขึ้น และยังใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของ รฟท.ที่มีอยู่ก่อให้เกิดรายได้

ล้างมรดกหนี้ 2 แสนล้าน ภารกิจ \'วีริศ\' ผู้ว่าฯ รฟท.คนใหม่

ซึ่งรวมไปถึงการพัฒนาที่ดินแปลงใหญ่ในรูปแบบเชิงพาณิชย์ ซึ่งก่อนหน้านี้ รฟท. ศึกษาหลายพื้นที่ อาทิ ที่ดินสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ที่ดินสถานีมักกะสัน ที่ดิน RCA ที่ดินสถานีธนบุรี และสถานีแม่น้ำ เป็นต้น และยังต้องศึกษาพัฒนาที่ดินริมทางรถไฟให้สามารถสร้างรายได้

“วิสัยทัศน์ที่ตนรายงานต่อบอร์ดการรถไฟฯ สอดคล้องกับนโยบาย และแนวทางแก้ไขปัญหาของที่นี่ โดยมุ่งเน้นการลดภาระหนี้ เพิ่มรายได้ เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ โดยอันดับแรกจะต้องนำสัญญา และโครงการต่างๆ ของการรถไฟฯ มาศึกษาและประเมินแนวทางการหารายได้ ซึ่งคาดว่าสิ่งเหล่านี้น่าจะนำใช้เวลาตรวจดูไม่เกิน 1 เดือนหลังจากนี้”

สำหรับแนวทางการล้างหนี้ของ รฟท. เบื้องต้นจะเจรจากับกระทรวงการคลัง ถึงตัวเลขหนี้ที่เกิดขึ้น และพบว่าเป็นหนี้ผูกพันจากการให้บริการรถไฟเชิงสังคม และต้องรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะจากรัฐบาล (PSO) โดยส่วนนี้ต้องหารือถึงตัวเลขการใช้บริการที่เกิดขึ้นจริง จำนวนเงินที่รัฐอุดหนุนในแต่ละปี 

รวมไปถึงการปรับโครงสร้างหนี้ และประนอมหนี้ในบางส่วนที่สามารถทำได้ ซึ่งหากดำเนินการส่วนนี้ได้ก็จะทำให้จำนวนหนี้ของ รฟท.ลดลงทันที

ล้างมรดกหนี้ 2 แสนล้าน ภารกิจ \'วีริศ\' ผู้ว่าฯ รฟท.คนใหม่

ขณะที่โครงการลงทุนของ รฟท. ตามนโยบายนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งมีเป้าหมายเร่งรัดดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) ภายใต้กรอบความร่วมมือไทย-จีน โดยจะต้องเร่งรัดก่อสร้างส่วนต่อขยายช่วงนครราชสีมา-หนองคาย เชื่อมต่อการขนส่งไทย-ลาว-จีน 

และประมูลสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ให้ครบจำนวน 7 เส้นทาง รวมไปถึงผลักดันโครงการส่วนต่อขยายรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.)

ทั้งนี้ มีเป้าหมายในการบริหารองค์กรการรถไฟฯ โดยมุ่งมั่นพัฒนารถไฟไทยให้เป็นระบบขนส่งหลักของประเทศ ประชาชนหันมาใช้บริการ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยากดึงให้มาใช้รถไฟในการเดินทางชีวิตประจำวัน ซึ่งระบบขนส่งทางรางจะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ด้วย และช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่องค์กรการรถไฟฯ กำลังผงกหัวขึ้น 

ดังนั้นภายในรัฐบาลสมัยนี้ควรเห็นการลงทุนที่ชัดเจน โดยตนเข้ามาบริหาร รฟท.ตั้งมั่นว่าจะนำพาองค์กรไปในทิศทางนี้ให้ได้ ซึ่งต้องขอความร่วมมือกับทุกฝ่าย ผู้บริหาร และพนักงานการรถไฟ

สำหรับกรณีที่หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า การเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ การรถไฟฯ เนื่องจากมีความสนิทสนมกับนายสุริยะ ประเด็นนี้ขอชี้แจงว่า 

“ผมเป็นคนที่ตั้งมั่นจะทำงานเพื่อประเทศชาติมาตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตการทำงาน อีกทั้งที่ผ่านมามีประสบการณ์ทำงานในองค์กรที่ก่อให้เกิดการพัฒนาประเทศมาหลายแห่ง ซึ่งการเข้ามาสมัครผู้ว่าการฯ ในครั้งนี้นับเป็นจังหวะโอกาสหนึ่งที่เห็นว่าทำได้ และยืนยันว่าทำถูกต้องตามกระบวนการ”

ล้างมรดกหนี้ 2 แสนล้าน ภารกิจ \'วีริศ\' ผู้ว่าฯ รฟท.คนใหม่

นายวีริศ กล่าวต่อว่า วิสัยทัศน์ที่ตนได้แจ้งต่อคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.จะมุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางของไทยให้เติบโตต่อเนื่อง พร้อมกับขยายขีดความสามารถการขนส่งทางราง ให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางรางในภูมิภาคอาเซียนให้ได้โดยเร็ว โดยยึดหลัก “เพิ่มโอกาส เพิ่มคุณค่า ลดภาระของรัฐ พัฒนาบุคลากร”

ดยมีกรอบทิศทางการดำเนินงานสู่วิสัยทัศน์ จำนวน 6 ด้าน ได้แก่ 

1.ดำเนินกิจการเพื่อเพิ่มรายได้

2.พัฒนาการให้บริการ

3.การลดรายจ่าย

4.บริหารจัดการด้านบุคลากร

5.สนับสนุนประสานงานติดตาม และเร่งรัดโครงการ โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญตามนโยบายรัฐบาล

6.ดำเนินโครงการด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม

นอกจากนี้ จะให้ความสำคัญต่อการร่วมพบปะหารือกับพนักงานการรถไฟฯ และสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อร่วมรับฟังความคิดเห็น และนำมาปรับใช้ในการปฏิบัติงานร่วมกัน ตลอดจนดูแลด้านสวัสดิการต่างๆ ให้พนักงานการรถไฟฯ สร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค เพื่อนำข้อมูล ทุกความคิดเห็นจากคนรถไฟ มาสานต่องานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์