ทปษ.โยบายนายกฯเปิด 3 ภารกิจด่วน ฟื้นน้ำท่วม –  เพิ่มรายได้ – ดัน SMEสู่เวทีโลก

ทปษ.โยบายนายกฯเปิด 3 ภารกิจด่วน  ฟื้นน้ำท่วม –  เพิ่มรายได้ – ดัน SMEสู่เวทีโลก

“สุรพงษ์” เผยวงถกที่ปรึกษานโยบายครั้งแรก “นายกฯอิ้งค์” บอกขอคอมเม้นท์ตรงๆ อย่าเกรงใจ คาดหวังครบเทอม คนไทยพ้นความยากจน เตรียมเสนอ 3 แนวทางเร่งด่วน เยียวยา น้ำท่วม+แก้หนี้ -ดัน SME ไปตลาดโลก ลั่นเแม้วัยดึกแต่ไม่ตกยุค ไม่ตั้ง KPI บีบทำงาน

วันนี้ (26 ก.ย.) นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีครั้งแรก ที่บ้านพิษณุโลก ว่านายกฯได้ขอบคุณที่ปรึกษาทั้ง 5 ท่านที่ตอบรับมาเป็นที่ปรึกษา เพราะทุกท่านเคยผ่านประสบการณ์บริหารราชการแผ่นดินมาทั้งสิ้น และนายกฯพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะทุกอย่าง โดยขอให้นำเสนอความเห็นตรงไปตรงมา ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เพื่อให้รับข้อมูลที่รอบด้าน โดยที่ปรึกษาเสนอแนะสิ่งที่จะทำต่อไป

ทั้งนี้ที่ปรึกษาทั้ง 5 คน มีประสบการณ์ทำงานทั้งนโยบาย และการขับเคลื่อนกิจการต่างๆในอดีต ดังนั้น ทุกท่านจะให้คำเสนอแนะไม่จำกัดเฉพาะด้านที่เชี่ยวชาญ แต่จะขับเคลื่อนเรื่องที่ถนัดเป็นพิเศษ โดยนายธงทอง จันทรางศุ สนใจการปฏิรูประบบราชการให้ง่ายต่อการรับใช้ประชาชน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา เชี่ยวชาญกฎหมายมหาชน ก็จะช่วยดูกฎหมายต่างๆ เพื่อเอื้ออำนวยต่อการขับเคลื่อนระบบราชการ นายศุภวุฒิ สายเชื้อ มีความถนัดด้านเศรษฐกิจ สนใจนำเสนอนโยบายเศรษฐกิจ

ส่วนตนที่ผ่านมาทำงานเชิงสาธารณสุข และซอฟท์พาวเวอร์ ก็สนใจทำเรื่อวนี้จริงจัง ขณะที่ นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ มีประสบการณ์การเมืองมาก เสนอแนะนโยบายหลายนายกฯ มีความเชี่ยวชาญด้านภูมิทัศน์โลก การต่างประเทศ ส่งเสริมเอสเอ็มอี ซึ่งท่านจะมองเห็นภาพรวมทั้งหมดในการทำงานขับเคลื่อนกับที่ปรึกษาคนอื่นๆ

นอกจากนี้ ที่ปรึกษาทั้ง 5 คน ยังเน้นเรื่องการรวมความรู้จากภาครัฐ ภาคเอกชน ดังนั้น หลังจากนี้บ้านพิษณุโลกจะใช้เป็นสถานที่เชิญผู้รับผิดชอบทั้งภาคราชการ ภาคเอกชนมาประชุมหารือกัน โดยจะมีการเชิญภาคส่วนต่างๆที่เป็นเอกชนเช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อนำเสนอแนวคิดกำหนดเป็นนโยบายต่อไป

นอกจากนี้ เราคิดว่าวันนี้เราจะไม่คิดเพียงว่าจะทำอะไร แต่เราคิดด้วยว่าจะทำอย่างไร เราต้องมีแผนชัดเจนสามารถขับเคลื่อนองคาพยพทั้งระบบราชการ ระบบเศรษฐกิจได้ การกำหนดแนวทางที่ชัดเจนเพื่อส่งผลลัพธ์ในอนาคต จึงกำหนดว่าควรประชุมต่อเนื่องโดยนายกฯจะประชุมด้วยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง คือทุกวันพฤหัสบดี เพื่อพูดคุยถึงนโยบายที่น่าสนใจอย่างตรงไปตรงมา และเกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจน

เมื่อถามว่า อำนาจหน้าที่ของคณะที่ปรึกษามีผลแค่ไหนนั้น นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ทางที่ปรึกษาจะมีการพูดคุย ซึ่งนายกฯพร้อมรับฟัง แต่ต้องไปทำร่วมกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ทุกวันนี้ความซับซ้อนของระบบราชการทำให้ไม่ง่าย แต่แนวทางที่เสนอนายกฯก็ต้องไปดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คณะทีีปรึกษาสามารถเชิญหน่วยงานรัฐมาประชุมได้ ขอเอกสารมาดูได้ด้วย ส่วนภาคเอกชนเชื่อว่าเขาก็พร้อมมาเสนอแนะปัญหา จึงเชื่อว่าบ้านพิษณุโลกต่อไปนี้จะจะมีการประชุมเรื่องต่างๆอีกมาก

 

 

ทั้งนี้คณะที่ปรึกษายังได้บอกเบื้องต้นว่า สิ่งสำคัญคือการ

1.ออกมาตรการเศรษฐกิจช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมซึ่งมีแนวคิดเบื้องต้นแล้ว หากครม.ได้รับทราบ เชื่อว่าจะตัดสินใจได้เร็ว ผู้ได้รับผลกระทบจะได้รับประโยชน์เร็วมาก

2. มาตรการแก้หนี้ที่ได้ผล ที่ไม่ได้มองเพียงเรื่องเงินอย่างเดียว แค่ต้องเป็นมาตรการสร้างรายได้ มีแนวทางเบื้องต้นแล้ว ซึ่งต้องรอนำเสนอนายกฯก่อน

และ3.เรื่องการทำอย่างไรให้เอสเอ็มอีไทยส่งออกต่างประเทศได้จริงจัง เรามีมาตรการบางอย่างที่เราคิดว่าเป็นจิ๊กซอว์ตัวที่หายไปก็จะมีการนำเสนอนายกฯต่อไป

 

   เมื่อถามว่า เรื่องค่าเงินบาทเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเชิญผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาพูดคุย นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ธปท.ถือเป็นส่วนหนึ่งของภาครัฐในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ก็อาจมีการพูดคุยกัน แต่คงไม่ได้เชิญมาแบบเป็นทางการ

    เมื่อถามว่า การแก้ปัญหาการเมือง กฎหมายกระบวนการยุติธรรม ความขัดแย้ง จะมีการนำเสนอด้วยหรือไม่ นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า เบื้องต้นนายพงษ์เทพมีความเชี่ยวชาญกฎหมาย เป็นอดีตสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ดังนั้น การมองภาพระบบนิติรัฐ นิติธรรม ท่านก็ให้ความสนใจ

   เมื่อถามว่า คณะที่ปรึกษาทุกท่านเป็นวัยเก๋า แต่โลกเปลี่ยนไปจะทำให้คนรุ่นใหม่ไว้วางใจได้อย่างไร นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า นายพันศักดิ์อายุ 80 ปี ท่านต่อมานายธงทอง อายุ 70 ที่เหลือ 60 กว่าปี แต่เท่าที่ได้พูดคุย ทุกท่านมีประสบการณ์มาก และยังเรียนรู้ไม่หยุดในทุกๆด้าน เชื่อว่าทั้ง 5 คน ไม่มีตกสมัย แต่เราไม่ได้ทำงานกัน 5 คน จะมีการตั้งอนุกรรมการมาดูรายละเอียดแต่ละเรื่องด้วย เราเป็นสารตั้งต้นนำเสนอนโยบายแก้ปัญหาของประเทศครั้งใหญ่เมื่อถามว่า จะวัดผลงานคณะที่ปรึกษาชุดนี้อย่างไร นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ไม่มีการกำหนดเคพีไอ แต่ที่ปรึกษาทุกคนไฟแรงมากพร้อมเริ่มงานเต็มที่ นายธงทองเตรียมขอตัวข้าราชการบางส่วนมาช่วยงาน ตนก็มีในใจแล้ว ผลงานคงวัดจากงานภาพใหญ่ของประเทศมากกว่า หากเปรียบสมัยพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกฯ ภาพใหญ่คือเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า ซึ่งเรื่องนั้นใหญ่มาก ดังนั้น นายกฯก็บอกว่าในระยะเวลาที่เหลืออยู่อีก 2 ปีกว่า

สิ่งที่อยากเห็นคนไทยจะต้องพ้นความยากชน ประเทศพ้นสามารถหลุดพ้นปัญหาเศรษฐกิจ นำไปสู่ทิศทางที่ชัดเจนในการสร้างเศรษฐกิจกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง