สิงคโปร์ จีน ไทย ใครๆ ก็แจกเงิน

เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง ต้อนรับใกล้ชิด ถ้าจำไม่ผิดนี่น่าจะเป็นงานวันชาติครั้งแรกในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นเงินหมื่นโอนเข้าบัญชีประชาชนกลุ่มเปราะบาง ก่อนที่นายกฯ มากดปุ่มทำพิธีในตอนเช้า และเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญวันเดียวกันนั้นรัฐบาลจีนประกาศโครงการแจกเงินและมาตรการอุดหนุนประชาชนยากจนด้วยเช่นกัน 

หลักการของจีนคือเป็นการแจกเงินและมาตรการอุดหนุนแก่ประชาชนตั้งแต่ก่อนวันชาติ 1 ต.ค.ซึ่งเป็นวันหยุดยาว ประชาชนเดินทางไปโน่นมานี่ จับจ่ายใช้สอย นัยว่าเพื่อช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นผู้บริโภค ส่วนที่สิงคโปร์เดือน ก.ย.นี้ ผู้ใหญ่กว่า 2.4 ล้านคนได้รับเงินช่วยเหลือแบบให้ครั้งเดียว ยอดเงินระหว่าง 200-400 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อคน (ราว 5,140-10,280 บาท) เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพ สิงคโปร์ที่ว่ามั่งคั่งก็มีการแจกเงินหมื่นเหมือนกัน ทำไงได้ในเมื่อเงินทองเป็นเรื่องจำเป็น นำไปจับจ่ายใช้สอยซื้อปัจจัยสี่แก้ปัญหาพื้นฐานชีวิตได้ทันที 

เรื่องราวความดีอกดีใจของประชาชนที่ได้เงินหมื่นมีให้เห็นมากมายตามหน้าสื่อ หลายเรื่องเกิดกับพรรคพวกเพื่อนฝูงไม่เป็นข่าวแต่สะท้อนให้เห็นผลของการใช้เงิน บางคนได้เงินมาตนเองไม่ลำบากมากก็แบ่งให้ญาติพี่น้องได้ใช้จ่าย เงินหมุนมากกว่าหนึ่งรอบช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ บางคนมีบ้านเช่าราคาถูกให้คนรายได้น้อยเช่า แต่ผู้เช่าติดหนี้สะสมพอกพูนเป็นหลักหลายพัน

ครั้นได้เงินหมื่นจึงมีน้ำจิตน้ำใจนำมาผ่อนหนี้บ้าง เจ้าของบ้านก็พอได้มีเงินไปใช้ เงินหมุนไปอีกหลายรอบ คนเราเมื่อมีเงินในกระเป๋าอย่างไรเสียก็ต้องนำไปใช้จ่าย เห็นพฤติกรรมกลุ่มเปราะบางแบบนี้  ผีเสื้อกระพือปีกเล็กๆ แต่ถ้าทำพร้อมกันอาจแรงระดับพายุได้ 

แว่วจาก นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี “นายกฯ บอกว่าในระยะเวลาที่เหลืออยู่2 ปีกว่า สิ่งที่อยากเห็นคนไทยจะต้องพ้นความยากจน ประเทศสามารถหลุดพ้นปัญหาเศรษฐกิจ นำไปสู่ทิศทางที่ชัดเจนในการสร้างเศรษฐกิจกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง” หันไปดูมหาอำนาจโลกอย่างจีน มหาอำนาจเศรษฐกิจอย่างสิงคโปร์ และประเทศไทย พร้อมใจกันแจกเงินประชาชนโดยมิได้นัดหมาย สะท้อนว่าโจทย์ใหญ่เกินพรมแดนประเทศนั่นคือเศรษฐกิจโลกยังคงเป็นความท้าทาย แจกเงินช่วยเหลือเฉพาะหน้าแล้วอย่าลืมมองเรื่องการปรับโครงสร้างใหญ่ เพื่อให้คนไทยพ้นความยากจนสมใจนายกฯ แพทองธาร