‘ธนารักษ์’ โชว์ผลจัดเก็บรายได้ 1.4 หมื่นล้าน สูงสุดเป็นประวัติการณ์
“เผ่าภูมิ” เผยธนารักษ์ จัดเก็บรายได้ปีงบ 2567 ทะลุเป้า 1.4 หมื่นล้าน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังเร่งรัดเวรคืนที่ราชพัสดุเพื่อใช้ประโยชน์
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์ จัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2567 ได้จำนวน 14,378 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 57.9% และสูงกว่าประมาณการ 25.4% ทั้งนี้ เป็นการจัดเก็บรายได้สูงที่สุดในรอบ 91 ปี สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ก่อตั้งกรมธนารักษ์
ซึ่งเป็นผลจากการเร่งรัดการประมูลที่ราชพัสดุทั่วประเทศ การต่อสัญญาผู้เช่ารายใหญ่อย่างมียุทธศาสตร์ การเพิ่มพื้นที่การจัดหาประโยชน์ รวมถึงค่าทดแทนเวนคืนที่ดินต่างๆ และการผลิตเหรียญกษาปณ์ทำให้สามารถจัดเก็บรายได้มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
ทั้งนี้ได้มอบแนวนโยบายให้ดำเนินการบริหารจัดการที่ราชพัสดุ โดยการเพิ่มพื้นที่จัดหาประโยชน์ 10% โดยเร่งเรียกคืนที่ราชพัสดุในครอบครองของหน่วยงานรัฐ แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยในปีงบ 2567 ได้ดำเนินการแล้วเสร็จราว 24,000 ไร่ ซึ่งในส่วนนี้จะนำมาสู่การจัดเก็บรายได้ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
รวมทั้งเพิ่มผลตอบแทนจากสินทรัพย์ ROA (Return on Asset) ในสัญญาเช่าเชิงพาณิชย์ในกลุ่มเป้าหมายขึ้น 3% แต่ยังคงดำเนินนโยบายค่าเช่าผ่อนปรนให้กับประชาชนที่เช่าในเพื่อที่อยู่อาศัยและเกษตรกรรม เพื่อให้กรมธนารักษ์สามารถจัดเก็บรายได้รวม 55,000 ล้านบาท ตามแผนระยะ 5 ปี (ปี 2566 - 2570)
ในปีงบประมาณ 2568 กรมธนารักษ์ตั้งเป้าจัดเก็บรายได้ 11,600 ล้านบาท และจะดำเนินโครงการธนารักษ์เอื้อราษฎร์ มอบสัญญาเช่าที่ดินที่ราคาต่ำให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง เราตั้งเป้าทำให้ดีขึ้น เร็วขึ้น มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยและอาชีพให้ประชาชนที่มีรายได้น้อย
นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมธนารักษ์สามารถจัดเก็บรายได้เพื่อนำส่งเข้าเป็นรายได้แผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ 2567 (วันที่ 1 ต.ค.2566 - 23 ก.ย.2567) เป็นจำนวน 14,378.712 ล้านบาท หรือมากกว่าเป้าหมาย 2,878.712 ล้านบาท คิดเป็น 125.03% ของประมาณการรายได้ทั้งปี ซึ่งรายได้จำนวนดังกล่าว ประกอบด้วย การจัดเก็บรายได้จากภารกิจด้านที่ราชพัสดุและการจัดเก็บรายได้จากภารกิจด้านเหรียญกษาปณ์
โดยรายได้จากภารกิจด้านที่ราชพัสดุ จำนวน 13,442.615 ล้านบาท คิดเป็น 125.63% โดยมาจากรายได้ปกติที่เป็นค่าเช่าที่ราชพัสดุ จำนวน 10,601.717 ล้านบาท และรายได้พิเศษ จำนวน 3,776.995 ล้านบาท อาทิ ค่าเวนคืนที่ดินเพื่อการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าของการไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ค่าทดแทนภาระในอสังหาริมทรัพย์ของ รฟม. การต่ออายุสัญญาจากค่าเช่าส่วนเพิ่มและค่าธรรมเนียมต่ออายุสัญญาของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัดการเวนคืนที่ดิน เพื่อดำเนินโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมสนามบิน การประมูลขายทรัพย์สิน ที่ตกเป็นของแผ่นดินตามคำพิพากษาของศาล และส่วนแบ่งรายได้จากบริษัท เจ้าพระยาท่าเรือสากล จำกัด
ส่วนการจัดเก็บรายได้จากภารกิจด้านเหรียญกษาปณ์ สามารถจัดเก็บรายได้ จำนวน 936.097 ล้านบาท คิดเป็น 117.01% ของประมาณการทั้งปี โดยมาจากรายได้ปกติ จำนวน 743.597 ล้านบาท และรายได้พิเศษจำนวน 192.500 ล้านบาท