ครม. ไฟเขียวปรับเงื่อนไขซอฟต์โลน ออมสิน 5 หมื่นล้าน ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม

ครม. ไฟเขียวปรับเงื่อนไขซอฟต์โลน ออมสิน 5 หมื่นล้าน ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม

'ครม.' ไฟเขียวปรับเงื่อนไขซอฟต์โลน ออมสิน 5 หมื่นล้าน หนุนเอสเอ็มอี รายย่อย ผู้มีอาชีพอิสระ ประสบภัยน้ำท่วม เข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (1 ต.ค.) อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ให้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ซอฟต์โลน ของธนาคารออมสิน โครงการ GSB Boost Up วงเงิน 50,000 ล้านบาท จากวงเงินทั้งหมด 100,000 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการ SME กลุ่มรายย่อยและผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่ประสบภัยน้ำท่วม ได้เข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำและนำไปฟื้นฟูกิจการและการประกอบอาขีพ

"การปรับเงื่อนไขซอฟต์โลน เพื่อกันวงเงินให้สำหรับประชาชนที่ประสบอุทกภัยได้นำไปฟื้นฟูกิจการและฟื้นฟูอาชีพ ทั้งนี้จะต้องยื่นขอสินเชื่อภายในปีนี้ โดยวงเงินที่เหลือจะกลับไปรวมกับยอดสินเชื่อของโครงการหลัก" 
 

โดยธนาคารออมสินปล่อยซอฟต์โลนให้สถาบันการเงินในอัตราดอกเบี้ย 0.01% เพื่อไปปล่อยสินเชื่อต่อให้กับธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ต่อ โดยมีเงื่อนไขดอกเบี้ย 2 ปีแรกไม่เกิน 3.5% วงเงินต่อรายไม่เกิน 40 ล้านบาทรวมทุกสถาบันการเงิน และภายใต้วงเงินดังกล่าวธนาคารออมสินสามารถปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ที่ได้ผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยโดยตรงภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเดียวกัน ทั้งนี้ สามารถยื่นขอสินเชื่อได้จนถึงวันที่ 30 ธ.ค.2567 

นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีการปรับเงื่อนไขการค้ำประกันสินเชื่อสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการที่ประสบภัยน้ำท่วมปี 2567 ภายใต้ โครงการ PGS 11 ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อย (บสย.) โดยมีการผ่อนปรนให้ง่ายขึ้น ลดค่าธรรมเนียม ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 3 ปีแรก หลังจากนั้นคิด 1.25% ต่อปี อีกทั้งเพิ่มสัดส่วนการค้ำประกันจาก 30% เป็น 40% ระยะเวลาค้ำประกันไม่เกิน 10 ปี รับคำขอค้ำประกันถึงวันที่ 30 เม.ย.2568

กระทรวงการคลังเชื่อมั่นว่าการดำเนินการดังกล่าวจะสามารถให้ความช่วยเหลือด้านสภาพคล่องแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยให้สามารถฟื้นฟูกิจการเพื่อกลับมาประกอบอาชีพและดำเนินธุรกิจต่อไปได้ภายหลังจากที่สถานการณ์คลี่คลายลง

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและพร้อมที่จะออกมาตรการที่เหมาะสมมาดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างทันท่วงที เพื่อไม่เกิดผลกระทบต่อการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้างต่อไป