กกร.เตรียมเข้าพบผู้ว่าธปท. จี้ ดูแลเงินบาท ลดดอกเบี้ย

กกร.เตรียมเข้าพบผู้ว่าธปท. จี้ ดูแลเงินบาท ลดดอกเบี้ย

กกร.เตรียมขอพบผู้ว่าธปท.ขอให้ดูแลค่าเงินบาท เสนอเร่งพิจารณาลดดอกเบี้ย เผยเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องกดดันส่งออกไทย คาดกระทบรายได้ส่งอออก ราว 1.8-2.5 แสนล้านบาท ชี้ เงินบาทระดับ 34-34.50บาทต่อดอลลาร์เหมาะสมแข่งขันได้ คงเป้าจีดีพีทั้งปี 2.2-2.7%  

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)  เปิดเผยภายหลังการประชุมกกร.ว่า  ที่ประชุมกกร.มีความกังวลต่อสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่ากว่าระดับ 34.0-34.5 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่ธุรกิจแข่งขันได้ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญกับการดูแลค่าเงินไม่ให้แข็งค่าหรือผันผวนเร็วจนเกินไป และการสื่อสารฯเชิงรุกเพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถรับรู้และปรับตัวได้ทันการณ์

อีกทั้งยังจำเป็นต้องมีการส่งผ่านประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็ง เช่น ต้นทุนนำเข้าสินค้าพลังงาน และวัตถุดิบโดยเฉพาะในภาคเกษตรฯ ที่ลดลงไปยังภาคการผลิตและภาคประชาชนให้ได้อย่างเป็นระบบ

ในส่วนของภาคการส่งออกค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วเพิ่มแรงกดดันต่อภาคการส่งออก เงินบาทแข็งค่าจาก 36.8 มาที่ 32.3 บาทต่อดอลลาร์ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา หรือราว 12% เป็นการแข็งค่าที่มากกว่าค่าเงินอื่นในภูมิภาค กลายเป็นปัจจัยลบต่อความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเกษตรและอาหารที่ใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก ทั้งนี้ หากค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีอาจทำให้รายได้ในรูปเงินบาทของผู้ส่งออกกระทบได้ราว 1.8-2.5 แสนล้านบาท

“กกร.เตรียมขอเข้าพบกับผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ให้เร็วที่สุดเพื่อหารือใน 2  ประเด็น คือ 1.ภาพรวมเศรษฐกิจ  2.การดูแลค่าเงินบาทให้เหมาะสม แข่งขันได้   นายสนั่น กล่าว

นายสนั่น กล่าวว่า กกร.ยังได้ติดตามผลกระทบจากอุทุกภัยกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจและยังมีแนวโน้มต่อเนื่องจากพายุลูกใหม่ที่อาจเข้าไทยอีกในช่วงไตรมาส 4/67 คาดว่าน้ำท่วมรอบนี้จะทำให้เกิดความเสียหายราว 3-5 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 0.2% ของจีดีพี โดยภาคเกษตรได้รับผลกระทบมากที่สุด จากสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจขยายวงกว้างมากขึ้น

ทั้งในส่วนของการเยียวยาและมาตรการที่เข้ามาช่วยเสริมสภาพคล่องในการฟื้นฟูกิจการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา รวมทั้งให้ภาครัฐบูรณาการพัฒนาระบบแจ้งเตือนระดับน้ำและพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมให้ประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ทราบแบบ Real time ผ่านโทรศัพท์มือถือ และมีความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการเร่งแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อทำการเกษตรทั้งในฝั่งไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะช่วยเพิ่มพื้นที่ต้นน้ำป้องกันปัญหาน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

ทั้งนี้ กกร.ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 2567 จะยังสามารถขยายตัวได้ในกรอบ 2.2% ถึง 2.7% ด้วยแรงสนับสนุนจากภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุน รวมถึงการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย  ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กกร.จะเสนอให้ธปท.พิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน

พร้อมเสนอให้ธปท.เร่งพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยที่สะท้อนอยู่แล้วในตลาดการเงินล่วงหน้า (Forward Market)และลดผลกระทบปัจจุบันตลาดคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะลดลงอย่างน้อย 0.25% ภายในปีนี้ และอีกประมาณ 0.25% - 0.5% อีกภายในปีหน้า ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อ Real Sector ได้อย่างรวดเร็ว และพิจารณาทบทวนกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่กำลังอยู่ในช่วงการหารือร่วมกับกระทรวงการคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับบริบทศักยภาพและโครงสร้างของเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบันและอนาคต