'คมนาคม' สั่งตรวจสอบรถโดยสารใช้แก๊สทั่วประเทศ 1.3 หมื่นคัน

'คมนาคม' สั่งตรวจสอบรถโดยสารใช้แก๊สทั่วประเทศ 1.3 หมื่นคัน

“คมนาคม” สั่งตรวจสอบรถโดยสารประเภท NGV โดยใช้ถังแก๊ส CNG ทั่วประเทศทั้งหมด 13,426 คันแล้วเสร็จภายใน 2 เดือนนี้ เล็งแก้กฎหมายใบอนุญาตอายุรถโดยสารไม่ประจำทางตลอดชีพ ระบุข้อมูล “ชินบุตรทัวร์” รถคันเกิดเหตุ จดทะเบียนส่วนบุคคล ครอบครองรถ 2 คัน มีอายุ 54 ปี

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมมาตรการแนวทางป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและรายงานข้อมูลกรณีการเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้รถบัส ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) โดยระบุว่า จากเหตุไฟไหม้รถโดยสารไม่ประจำทางทะเบียน 30-0423 สิงห์บุรี (รถโดยสารชั้นเดียว ปรับอากาศ) เมื่อเวลาประมาณ 12.08 น. วานนี้ (1 ต.ค.) จากการตรวจสอบพบว่ารถโดยสารคันดังกล่าวเป็นรถโดยสารชั้นเดียวมาตรฐาน 1 (ข) ปรับอากาศ โดยล่าสุด ขบ. ได้ยกเลิกการประกอบการของผู้ประกอบการรถคันที่เกิดเหตุแล้ว

“กระทรวงคมนาคมขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ วันนี้เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยกระดับมาตรฐานทุกมิติ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก และฝากถึงผู้ประกอบการขอให้ช่วยตรวจสอบรถ พนักงานขับรถ และผู้ประจำรถ ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียอีกต่อไป”

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า จากการประชุมในครั้งนี้ตนได้สั่งการให้ ขบ. ออกมาตรการเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ้ำรอยเดิม โดยมีมาตรการเร่งด่วน ประกอบด้วย

1.ให้กรมขนส่งฯ ตรวจสอบสภาพรถประเภท NGV โดยใช้ถังแก๊ส CNG ทั้งหมด จำนวน 13,426 คัน แบ่งเป็น รถประจำทาง จำนวน 10,491 คัน และรถไม่ประจำทาง ประเภท 30 จำนวน 2,935 คัน โดยหากพบว่ารถไม่ผ่านการตรวจสภาพจะถูกยึดใบอนุญาตรถทันที ซึ่งคาดว่าจะตรวจสอบสภาพรถทั้งหมดแล้วเสร็จภายใน 2 เดือน หรือภายใน พ.ย.นี้

2.ให้กรมขนส่งฯ ออกกฎระเบียบของรถไม่ประจำทางประเภท 30 โดยกำหนดให้มีพนักงานประจำรถเช่นเดียวกับรถโดยสารประจำทาง ซึ่งต้องได้รับการอบรมและผ่านการทดสอบหลักสูตรการเผชิญเหตุและการช่วยเหลือผู้โดยสาร (Crisis Management)

\'คมนาคม\' สั่งตรวจสอบรถโดยสารใช้แก๊สทั่วประเทศ 1.3 หมื่นคัน

3.ให้กรมขนส่งฯ สั่งการไปยังกรมขนส่งจังหวัดทำหนังสือถึงสถานศึกษาทุกแห่งทั่วประเทศ กรณีนำรถเช่าเหมาหรือรถโดยสารไม่ประจำทางไปใช้บริการ หากมีความจำเป็นต้องเดินทางทัศนศึกษาตามหลักสูตร ต้องดำเนินการประสานความร่วมมือกับกรมขนส่งฯจังหวัด ในการตรวจสภาพรถ ทั้งนี้ต้องได้รับใบอนุญาตมาตฐานความปลอดภัยจากกรมขนส่งฯก่อนออกเดินทางทุกคัน

4.สั่งการให้กรมขนส่งฯ ศึกษากฎหมายเก่าเกี่ยวกับการจราจร เช่น การทบทวนอายุการใช้งานรถก่อนออกเดินทาง ฯลฯ โดยกำหนดให้รถโดยสารไม่ประจำทาง ประเภท 30 มีการสาธิตวิธีการและแนะนำการเอาตัวรอดขณะเกิดเหตุบนรถโดยสารเหมือนการสาธิตในรูปแบบเดียวกับบนเครื่องบิน เนื่องจากในปัจจุบันไม่มีข้อบังคับในเรื่องดังกล่าว

5.ยกระดับมาตรฐานการประกอบการขนส่งรถโดยสารไม่ประจำทาง ประเภท 30 ทั้งระบบ เช่น การประกอบการ การตรวจสภาพ การให้บริการ

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า การตรวจสอบสภาพรถและการตรวจสอบถังแก๊ส CNG ตามปกติ ขบ.จะมีการตรวจสภาพรถ 2 ครั้งต่อปี โดยกำหนดให้ในรอบปีภาษีผู้ประกอบการต้องผ่านการตรวจสภาพจากวิศวกรผู้ดูแล 1 ครั้ง และเมื่อครบสิ้นปีการชำระภาษีรถต้องผ่านการตรวจสภาพรถจาก ขบ. อีก 1 ครั้ง เช่น รอยรั่วของก๊าซ อายุการใช้งาน ตลอดจนการตรวจเช็คการเสียดสีของถังแก๊ส

ทั้งนี้ ตามมติคณะกรรมการกรมขนส่งทางบกกลางได้กำหนดอายุรถโดยสารประจำทาง ดังนี้ 1.รถโดยสารประจำทาง ที่มีระยะทางไม่เกิน 300 กิโลเมตร กำหนดให้มีอายุการใช้งานของเลขตัวถังที่ติดภายในรถ (คัสซีรถ) ไม่เกิน 40 ปี และรถโดยสารประจำทาง ที่มีระยะทางไม่เกิน 300-500 กิโลเมตร กำหนดให้มีอายุการใช้งานของเลขตัวถังที่ติดภายในรถ (คัสซีรถ) ไม่เกิน 35 ปี

ส่วนโดยสารประจำทางที่มีระยะทางเกิน 500 กิโลเมตร กำหนดให้มีอายุการใช้งานของเลขตัวถังที่ติดภายในรถ (คัสซี) รถไม่เกิน 30 ปี ส่วนรถไม่ประจำทาง ประเภท 30 พบว่าปัจจุบันยังไม่มีการกำหนดอายุการใช้งานของเลขตัวถังที่ติดภายในรถ (คัสซี) อย่างไรก็ตามในปี 2558 หากนำรถที่เอามาบรรจุมีอายุเกินกำหนดหรือไม่ถึง 10 ปี สามารถใช้งานของเลขตัวถังที่ติดภายในรถ (คัสซี) ได้อีก 10 ปี หรือสิ้นสุดที่ปี 2568

ด้านนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากกรณีรถโดยสารไม่ประจำทางเกิดเหตุไฟไหม้ ขณะนี้กระทรวงฯ อยู่ระหว่างตั้งคณะกรรมการเพื่อทบทวนข้อกำหนดในการควบคุมรถโดยสารทั้งระบบ ซึ่งจะประกอบด้วย สภาวิศวกร และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เข้ามาพิจารณาร่วมกันถึงแนวทางควบคุมมาตรฐานของรถโดยสาร ทั้งในส่วนของรถโดยสารไม่ประจำทาง รถโดยสารประจำทาง และประเภทรถตู้ต่างๆ

“ตอนนี้กระทรวงฯ เราจะหารือร่วมกับทุกฝ่าย เพื่อตรวจสอบดูเกี่ยวกับข้อกำหนดที่ใช้กับรถโดยสารทั้งระบบ ทั้งในเรื่องของกฎหมายใบอนุญาตที่ปัจจุบันไม่มีข้อกำหนดอายุสำหรับรถโดยสารไม่ประจำทาง เรื่องนี้ก็คงต้องมาดูรายละเอียดความเหมาะสมกัน รวมไปถึงกำหนดให้มีพนักงานสอนการใช้ประตูฉุกเฉินบนรถโดยสารคล้ายกับบนสายการบิน ซึ่งทั้งหมดนี้จะใช้เวลาหารือกันแล้วเสร็จภายใน 15 วัน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รถโดยสารคันที่เกิดเหตุไฟไหม้ดังกล่าว เป็นรถโดยสารไม่ประจำทาง 30-0423 สิงห์บุรี (รถโดยสารชั้นเดียว ปรับอากาศ) พบข้อมูลจากกรมการขนส่งทางบกจดทะเบียนผู้ประกอบการขนส่ง ภายใต้ชื่อนางสาวปาณิสรา ชินบุตร มีเลขใบอนุญาตประกอบการขนส่ง สห.1/2564 ซึ่งจะสิ้นอายุวันที่ 7 มี.ค. 2569

สำหรับรถโดยสารทะเบียนไม่ประจำทาง 30-0423 สิงห์บุรี จดทะเบียนครั้งแรกเมื่อ 19 ก.พ.2513 หรือมีอายุการจดทะเบียนมาแล้ว 54 ปี ก่อนจะจดทะเบียนใหม่ 26 ต.ค.2561 เนื่องจากมีการดัดแปลงโครงคัสซี เปลี่ยนขนาดสัดส่วน - ชนิดรถ ISUZU เลขตัวรถ 2105472 โดยมีชนิดเครื่องยนต์ BENZ เลขเครื่องยนต์ 422915-20-590053 ชนิดเชื้อเพลิงก๊าซ CNG รองรับจำนวนที่นั่งโดยสาร 41 ที่นั่ง

นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลพบว่ารถโดยสารคันนี้ตรวจสภาพครั้งล่าสุด 23 พ.ค. 2567 และจะสิ้นอายุภาษี 30 มิ.ย. 2568 ขณะเดียวกันรถโดยสารได้ผ่านการตรวจสอบระบบก๊าช CNG โดยบริษัท ออลเทอร์เนทีฟ รีซอส เอ็นจิเนียริง จำกัด