'แพทองธาร' ชู 4 ประเด็น โอกาสไทย - อาเซียน ปลุกเศรษฐกิจรับการเติบโต
“แพทองธาร” ชูโอกาสไทย – อาเซียน 4 ประเด็น ปลุกรับโอกาสเติบโต ชี้ไทยมีโอกาสรับการลงทุนทั้ง AI ดาต้าเซนเตอร์ เสนอตัวเป็นคลังความมั่นคงทางอาหารของโลก พร้อมใช้เวทีอาเซียนหนุนสันติภาพในเมียนมา ยืนยันบทบาทอาเซียนเป็นพื้นที่เติบโตรับการลงทุน
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถา“Thailand Economic Big Move” ในงานสัมมนา ASEAN Economic Outlook 2025:The Rise of ASEAN, A Renewing Opportunity จัดโดยกรุงเทพธุรกิจว่าแสดงความยินดีที่กรุงเทพธุรกิจครบรอบ 37 ปี ตนอายุ 38 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถือยังอาวุโสน้อยในวงการการเมือง โดยตนคิดว่าไม่ว่าอายุเท่าไหร่ ถ้าเปิดโอกาสให้บุคคลเหล่านั้นทำงานในทุกตำแหน่ง ทุกวงการ จะทำให้เกิดพลังและความคิดใหม่ ๆ เข้ามา พร้อมกับมีคนรุ่นก่อนที่จะสามารถซัพพอร์ตและเป็นที่ปรึกษาได้ อยากให้ประเทศไทยค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปเปิดโอกาสให้กับทุกคน
นายกฯกล่าวว่าหลังจากที่ได้มีการไปร่วมประชุมเวทีระดับผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue)ที่ประเทศกาตาร์ ในเวทีระดับประเทศต่อไปในฐานะนายกรัฐมนตรีที่จะได้มีการเดินทางเข้าไปร่วมประชุมก็คือ เวทีสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ สสป.ลาวตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค.67
ในครั้งนี้จึงถือเป็นเวทีแรกที่รัฐบาลตั้งใจที่จะสื่อสารให้เห็นถึงการทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมา และสิ่งที่รัฐบาลจะทำในช่วงระยะเวลาต่อไป โดยในเวทีวันนี้จะขอพูดถึงโอกาสของอาเซียน และโอกาสของประเทศไทยใน 4 ประเด็นสำคัญซึ่งเป็นประเด็นที่จะสื่อสารในเวทีอาเซียนด้วย ได้แก่
1.โอกาสในการเติบโตของอาเซียนมีสูงมาก โดยปัจจุบันอาเซียนถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และมีการเติบโตที่สูงมากปัจจุบันเรามีขนาดเศรษฐกิจ 36 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 119 ล้านล้านบาท และมีการเติบโตสูงถึง 4 – 5% ต่อปี ถือเป็นตลาดที่มีการเติบโต และมีขนาดใหญ่มากติด 1 ใน 5 ของโลก โดยมีขนาดประชากรรวมกันถึง 670 ล้านคน
นอกจากนี้ตลาดของอาเซียนยังถือเป็นตลาดที่น่าลงทุนที่สุดในโลกโดยนักลงทุนจะทราบดีว่าไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดๆ อาเซียนถือว่าเป็นตลาดที่สามารถรองรับการลงทุนได้อย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์หรือสถานการณ์ใดๆในโลกก็ตาม
ทั้งนี้ในการเดินทางไปประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ สปป.ลาวในวันที่ 8 ต.ค.67 นี้สิ่งที่อยากจะสื่อสารอย่างหนึ่งก็คือ อยากให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งแม้ว่าเราจะมีประชากรประมาณ 66 ล้านคน แต่หากลงทุนในประเทศไทยก็สามารถที่จะเชื่อมโยงการลงทุนไปในอาเซียนที่มีขนาดประชากรมากถึง 670 ล้านคน ซึ่งต้องมีการหารือกันกับชาติสมาชิกในเรื่องของความเชื่อมโยง การลดกฎระเบียบ และมาตรการภาษีระหว่างกันที่เหมาะสม
สำหรับโอกาสในการลงทุนขณะนี้เราเห็นการลงทุนในเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากจีน ขณะที่ทั่วโลกมีความสนใจในเรื่องของการลงทุนในเรื่องของดาต้าเซนเตอร์ และ AI ซึ่งเทคโนโลยีด้านนี้ทั่วโลกมีการสนใจลงทุนมาก และของไทยเราก็พึ่งมีการประกาศการลงทุนจากบริษัทกูเกิล โดยตนเองได้มีการนำเรื่องนี้ไปเล่าที่เวที ACD ซึ่งหลายประเทศมีความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนเช่นกัน รวมทั้งได้บอกด้วยว่าประเทศไทยยังมีการลงทุนเพิ่มในเรื่องของเซมิคอนดักเตอร์เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้ด้วย โดยถือเป็นอุตสาหกรรมที่รัฐบาลจะสนับสนุนเพื่อสร้างโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ และการสร้างอาชีพใหม่ๆ ในประเทศไทย
2.อาเซียนยึดมั่นในสันติภาพ และความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน (Common Peace and Prosperity) ซึ่งการหารือในกรอบความร่วมมือของอาเซียนที่เรามีการริเริ่มมาตั้งแต่ 57 ปีก่อนเราก็เน้นที่ความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ และการค้าเสรี
โดยที่ผ่านมาในเวทีที่ตนเองได้มีการประชุมร่วมกันกับประธานาธิบดีของอิหร่าน ในการประชุม ACD ที่ผ่านมานั้น ประเทศไทยได้แสดงจุดยืนเรื่องของการสนับสนุนการเจรจาเรื่องของสันติภาพ รวมทั้งการเคารพในกฎหมายระหว่างประเทศ โดยไทยอยากสนับสนุนให้อาเซียนเป็นพื้นที่กลางในการเจรจาซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเปิดพื้นที่ให้มีการเจรจาระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศของจีน กับที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ
ทั้งนี้ในเวทีประชุมผู้นำอาเซียนไทยจะนำประเด็นเรื่องของสถานการณ์ในเมียนมาไปหารือกับผู้นำประเทศต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้เกิดสันติภาพ รวมทั้งการเป็นประธานอาเซียนของอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในปี 2568 ประเทศไทยก็จะสนับสนุนในเรื่องการสร้างสันติภาพในเมียนมาอย่างต่อเนื่อง
3.การเชื่อมโยงทางภาคขนส่ง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้อาเซียนมีโอกาสทางการค้า และเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลไทยส่งเสริมการเชื่อมโยงเส้นทางทั้งทางถนน รถไฟทางคู่ และรถไฟความเร็วสูง การพัฒนาท่าเรือ และแลนด์บริดจ์ที่จะเชื่อมโยงท่าเรือระหว่างอันดามันกับอ่าวไทย ซึ่งจะต้องมีการเดินหน้าเรื่องต่างๆ ที่เป็นแผนงานของแต่ละประเทศเพื่อให้สามารถสร้างการเชื่อมโยงในการขนส่งสินค้า และการเดินทางได้โดยสะดวก
ซึ่งการส่งเสริมการเชื่อมโยงการขนส่งจะเพิ่มโอกาสในการส่งสินค้าเกษตรจากไทยไปยังประเทศจีนซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรของไทยมีรายได้เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนั้นบทบาทของไทยในเรื่องความมั่นคงทางอาหารประเทศไทยยังได้มีการหารือกับเวทีผู้นำ ACD ในเรื่องที่เราจะเป็นแหล่งความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) ให้กับประเทศต่างๆ โดยนำเอาเทคโนโลยี AI มาผสมผสาน และประยุกต์ใช้ และส่งเสริมนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก โดยเราจะเป็นคลังอาหารที่สามารถจัดส่งอาหารให้กับประเทศต่างๆ ตามความต้องการ เพื่อสร้างรายได้เพิ่มจากนโยบายนี้ได้ด้วย
4.การส่งเสริมนโยบายสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือว่าเป็นนโยบายที่สำคัญสำหรับทั่วโลก เนื่องจากปัจจุบันมีปัญหาเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศที่มีความผันผวนอย่างมาก ซึ่งไม่ใช่แค่ภาวะโลกร้อนแต่เป็นโลกเดือด ซึ่งนอกจากประเทศไทยจะมีเป้าหมายในการเข้าสู่ภาวะการเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 ในการบริหารจัดการ และเตรียมความพร้อมเรื่องภัยพิบัติรัฐบาลต้องมีการเตรียมแผนเป็นแผนสำรอง ABCD เอาไว้เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ รวมทั้งต้องมีแผนระยะยาวที่จะช่วยให้ประชาชนรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ
นอกจากนี้ประเทศไทยจะให้ความสำคัญเรื่องของคาร์บอนเครดิต ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมการลดคาร์บอนไดออกไซด์ของประเทศไทยในระยะต่อไป
ทั้งหมดนี้ จะนำไปหารือกับประเทศสมาชิกอาเซียน แน่นอนว่าจะพูดในภาพรวม หา common strategy ร่วมกัน และจะมีประชุมแยก เพื่อร่วมมือในประเด็นต่าง ๆ ที่สำคัญในแต่ละประเทศ โดยการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 44-45 สปป.ลาว จะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ ซึ่งสอดคล้องกับ Master Plan ของ ASEAN Connectivity 2025 ที่มี 3 แกนวิธีคิดหลักคือ
1. การเชื่อมโยงทางกายภาพ เน้นการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง
2. การเชื่อมโยงด้านกฎระเบียบ มุ่งหวังที่จะปรับนโยบาย กฎระเบียบ และมาตรฐานให้สอดคล้องกันในประเทศสมาชิกเพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุน
3. การเชื่อมโยงระหว่างประชาชน อาทิ การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม การศึกษา การท่องเที่ยว และการเคลื่อนย้ายแรงงาน ให้มีความสะดวกเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างอนาคตอาเซียนร่วมกับประเทศสมาชิกอย่างยั่งยืน
“อาเซียนที่อยู่ร่วมกันโดยสามัคคี ทำให้มีพลังมากกว่าต่างคนต่างทำ ASEAN together is much more than the sum of its parts” นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์