นายกฯ เยือนลาว ดันขนส่งสินค้าทางรางเชื่อมไทย - ลาว - จีน
นายกฯ เยือนลาว ลงนามความร่วมมือขนส่งสินค้าทางราง หนุนการรถไฟฯ ปลดล็อกกฎระเบียบการขนส่งสินค้า หวังเพิ่มโอกาสเส้นทางไทย – ลาว – จีน คาดดันมูลค่าเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาทต่อปี
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เป็นประธานในพิธีลงนาม “บันทึกการดำเนินการด้านเทคนิคสำหรับการขนส่งสินค้าทางรถไฟ” ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กระทรวงคมนาคม และรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งชาติลาว สปป.ลาว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบขนส่งร่วมกันระหว่างสองประเทศ เชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมทางรางให้ไทยก้าวสู่ศูนย์กลางการขนส่งทางรางในภูมิภาคอาเซียน เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2567 ณ สำนักงานนายกรัฐมนตรี เวียงจันทน์ สปป.ลาว
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาระบบราง ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งหลักของประเทศ จึงมอบหมายให้ รฟท. เร่งดำเนินการผลักดัน และพัฒนาการขนส่งทางราง โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าระหว่างไทย – ลาว – จีน ซึ่งเป็นเส้นทางที่สามารถเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมทางรางให้เกิดการเจริญเติบโตสู่ภูมิภาค ส่งเสริม และกระตุ้นเศรษฐกิจ สอดรับกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ
อย่างไรก็ดี รฟท. เเละรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งชาติลาว ได้บังคับใช้ความตกลงว่าด้วยการเดินรถไฟร่วมกันระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2551 ซึ่งการลงนามในครั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าทางรถไฟ และการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างไทย - สปป.ลาว อาทิ เส้นทางขนส่ง จุดเข้า - ออกประเทศ การจัดขบวนรถ และตารางเดินรถ กฎข้อบังคับ เเละเอกสารการขนส่งสินค้า กฎข้อบังคับการเดินรถ การให้ความช่วยเหลือในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ การชำระบัญชี ซึ่งจะสามารถขนส่งสินค้าร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ปัจจุบันการขนส่งสินค้าจากประเทศไทย ไปยัง สปป.ลาว และ จีน มีหลากหลายชนิด อาทิ ข้าวมอลต์ ปุ๋ย อะไหล่รถยนต์ สินค้าอีคอมเมิร์ซ สินค้าอุปโภคบริโภค และผลไม้ เฉลี่ยวันละ 4 – 6 ขบวน ไป/กลับ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร (ทุเรียน) และสินค้าที่มาจากแหลมฉบัง ผ่านสถานีนาทาฝั่งประเทศไทย ไปยังสถานีขนถ่ายสินค้าท่านาแล้ง สปป.ลาว เพื่อกระจายสินค้าไปยัง สปป. ลาว และสาธารณรัฐประชาชนจีน ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น โดยในช่วงปี 2566 มีรายได้จากการขนส่งสินค้าระหว่างไทย - สปป.ลาว จำนวน 11,361,000 บาท และช่วงเดือนตุลาคม 2566 - สิงหาคม 2667 มีรายได้เพิ่มขึ้น จำนวน 26,749,500 บาท อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปี 2568 จะมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท
“เชื่อมั่นว่าการลงนามในบันทึกความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่จะช่วยขยายโครงข่ายคมนาคมทางราง ยกระดับการขนส่งสินค้าทางรางทั้งสองประเทศ ก่อให้เกิดการเจริญเติบโตทางการค้าระหว่างประเทศที่สำคัญ ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางรางในภูมิภาคอาเซียนได้ตามนโยบายของรัฐบาล” นายวีริศ กล่าว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์