3 เอกชนไทย - จีน จัดตั้งกลไกประสานงาน และส่งเสริมภาคธุรกิจไทย - จีน
3 เอกชนไทย - จีน ร่วมจัดตั้งกลไกประสานงาน และส่งเสริมธุรกิจไทย - จีนอย่างยั่งยืน ลดข้อกังวล อุปสรรคต่างๆ ที่ภาคธุรกิจทั้งสองประเทศเผชิญหน้า ชู 9 แผนงานขับเคลื่อน ด้านหอการค้าไทย ชงเก็บภาษีสินค้าต่างประเทศขายผ่านอีคอมเมิร์ซ สร้างความเป็นธรรมผู้ประกอบการไทย
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย คนที่หนึ่ง และตัวแทนประสานงานของกลไกประสานงาน และส่งเสริมธุรกิจไทย-จีนอย่างยั่งยืน เปิดเผยว่า ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทย-จีน ไม่เพียงแต่มีความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์ แต่ยังเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทย และจีนเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทางหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หอการค้าไทย-จีน และสมาคมการค้าวิสาหกิจจีน จึงได้ร่วมจัดตั้ง "กลไกประสานงาน และส่งเสริมธุรกิจไทย-จีนอย่างยั่งยืน"
การจัดตั้งกลไกนี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างทั้ง 3 หน่วยงาน โดยได้รับการสนับสนุนจากสถานเอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือที่ครอบคลุมทุกมิติของธุรกิจ ทั้งในด้านการค้า การลงทุน การแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึก การแก้ไขอุปสรรคทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นระหว่างสองประเทศ
โดยมีแผนดำเนินการสำคัญ 9 ประการ ได้แก่ 1. การประชาสัมพันธ์ข้อมูลเศรษฐกิจ และการค้าที่เชื่อถือได้ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจของสังคมไทยต่อความสัมพันธ์ไทย-จีน
2. การจัดการประชุมเป็นประจำระหว่างตัวแทนจากทั้งสองประเทศ เพื่อส่งเสริมการสื่อสาร และการแลกเปลี่ยนทางธุรกิจ
3. การส่งเสริมกิจกรรมการพบปะ และแลกเปลี่ยนระหว่างธุรกิจไทย และจีน ผ่านงานสัมมนา และโครงการสาธารณกุศล
4.การร่วมมือในด้านการฝึกอบรม และการศึกษาเทคนิค เพื่อเสริมสร้างทักษะด้านกฎหมาย วัฒนธรรม และแนวปฏิบัติทางธุรกิจของทั้งสองประเทศ
5.การจัดงาน Supplies Matching และงานแสดงสินค้าเพื่อเพิ่มโอกาสในการร่วมมือในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น 5G อีคอมเมิร์ซ และโลจิสติกส์
6. การส่งเสริมความร่วมมือในอุตสาหกรรมใหม่ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และเทคโนโลยีสารสนเทศ
7. การให้บริการที่ปรึกษาทางธุรกิจ เพื่อสนับสนุนการทำธุรกิจระหว่างสองประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
8. การเสริมสร้างความร่วมมือด้านสื่อมวลชน เพื่อเผยแพร่ผลสำเร็จจากการทำงานร่วมกันระหว่างไทย และจีน
9. การสนับสนุนให้ธุรกิจทั้งสองประเทศปฏิบัติตามกฎหมาย และข้อบังคับระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด
“กลไกนี้จะเป็นช่องทางหลักในการขับเคลื่อนความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย และจีน และเราหวังว่าจะสามารถช่วยลดข้อกังวล และอุปสรรคต่างๆ ที่ภาคธุรกิจทั้งสองประเทศเผชิญหน้า และยังช่วยลดอุปสรรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในด้านกฎหมาย และข้อบังคับทางการค้าพร้อมกันนี้ยังเป็นโอกาสที่ดีในการขยายความร่วมมือไปยังอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่จะช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจทั้งสองประเทศให้เติบโตไปด้วยกันอย่างมั่นคง” นายพจน์ กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในอนาคต กลไกนี้จะเป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการเผยแพร่ข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ ส่งเสริมการค้า และการลงทุนที่สอดคล้องกับกฎหมาย และข้อบังคับของทั้งสองประเทศ รวมถึงสนับสนุนสื่อมวลชนในการนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อสร้างความเข้าใจที่ดี และเป็นกลางระหว่างสังคมไทย และจีน
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กลไกดังกล่าวจะเป็นอีกหนึ่งกลไกของภาคเอกชนไทย และจีน ในการพูดคุย หาแนวทาง และมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหา และอุปสรรคในการค้า ตลอดจนเป็นเวทีในการพัฒนา และยกระดับรูปแบบการค้า การลงทุน เพื่อนำเสนอไปยังรัฐบาลของสองประเทศ ให้ได้รับทราบถึงสถานการณ์ และความท้าทาย ตลอดจนโอกาสใหม่ๆ เพื่อกำหนดนโยบายระหว่างประเทศที่สร้างสรรค์ร่วมกันต่อไป
ในส่วนของการแก้ปัญหาสินค้าต่างประเทศทะลักเข้าไทยที่จำหน่ายผ่านอีคอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นสินค้าราคาถูก ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ผู้ประกอบการไทยได้รับความเดือดร้อน โดยเห็นว่า หากมีการจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ จะต้องมีระบบควบคุมการจำหน่ายสินค้า โดยเฉพาะการกำหนดให้ผู้ขายสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศ และแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ที่จำหน่ายสินค้าในไทยจะต้องมีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม และบริษัทที่จำหน่ายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์จะต้องถูกเก็บภาษีรายได้ (จากยอดขาย ไม่ใช่กำไร) 20 % เท่ากับผู้ประกอบการคนไทย
รวมทั้งการชำระเงินที่ปัจจุบันใช้ระบบชำระเงิน Payment ต่างชาติ ทำให้เม็ดเงินจำนวนมากไหลออกนอกประเทศจากระบบชำระเงินของต่างชาติ ซึ่งต้องบังคับให้เข้าสู่ระบบที่ถูกต้อง และอยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดนี้ทางหอการค้าจะเร่งดำเนินการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดันให้สำเร็จโดยเร็ว
นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน กล่าวว่า หอการค้าไทย-จีน ยินดีสนับสนุนการจัดตั้ง "กลไกประสานงาน และส่งเสริมธุรกิจไทย-จีนอย่างยั่งยืน” ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญที่จะเสริมสร้างความเข้าใจซึ่งกัน และกันอย่างลึกซึ้ง และรอบด้านของทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนของสองประเทศ และเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการกระชับความสัมพันธ์อย่างแนบแน่น เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทย และสาธารณรัฐประชาชนจีน ในปี 2568
นางสาวเฉิน หวา ประธานสภาสมาคมการค้าวิสาหกิจจีนในประเทศไทย กล่าวว่า ถือเป็นก้าวสำคัญที่แสดงถึงความมุ่งมั่นที่การส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และการค้าที่มีความยั่งยืนระหว่างสองประเทศ ซึ่งนับเป็นสิ่งที่น่ายินดี และเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเราทุกคน การก่อตั้ง "กลไกความร่วมมือเพื่อการประสาน และส่งเสริมการค้าที่ยั่งยืนระหว่างไทย-จีน" และเชื่อมั่นว่าการดำเนินการตามแผนทั้ง 9 ข้อนี้จะวางรากฐานที่มั่นคงยิ่งขึ้นสำหรับความร่วมมือระหว่างไทยและจีนในอนาคต
สมาคมการค้าวิสาหกิจจีนในประเทศไทย จะใช้ศักยภาพของแพลตฟอร์มที่มีอยู่เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และการค้าระหว่างสองประเทศต่อไป และเชื่อมั่นว่าด้วยความร่วมมือนี้จะนำพาทั้งไทย และจีนไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์