ส่งออก ก.ย.โต 1.1% 'พาณิชย์' ลุ้นทะลุเป้า 2% ทำสถิตินิวไฮ 2.9 แสนล้านดอลลาร์
พาณิชย์ เผย การส่งออกเดือนก.ย.มูลค่า 25,983.ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 1.1 % ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 หลังเศรษฐกิจการค้าฟื้นตัวต่อเนื่อง คาดทั้งปีตามเป้า 2 % แต่มีโอกาสจะโตเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 2% ลุ้นทำสถิตินิวไฮมูลค่าส่งออกอาจแตะ 290,000 ล้านดอลลาร์
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือนก.ย.2567 มีมูลค่า 25,983.2 ล้าน ขยายตัว 1.1 % หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวที่ 3.1 % ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 25,589.0 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 9.9 % ส่งผลให้ไทยได้ดุลการค้า 394.2 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้การส่งออกในเดือนก.ย.ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ขยายตัวในทุกหมวดสินค้า โดยเฉพาะสินค้าเกษตร และอาหารที่ได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดโลก รวมทั้งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เติบโตต่อเนื่องตามวัฏจักร ประกอบกับสินค้ามีคุณภาพและราคาที่แข่งขันได้ ขณะที่เศรษฐกิจในตลาดหลักอย่างสหรัฐ และสหภาพยุโรป เริ่มฟื้นตัวจากสถานการณ์เงินเฟ้อที่คลี่คลาย ส่งผลให้อุปสงค์ในตลาดเหล่านี้เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ การปรับตัวลดลงของค่าระวางเรือในเส้นทางการค้าสำคัญยังช่วยลดต้นทุน และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านราคา ที่สำคัญ การเกินดุลการค้าต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ถือเป็นสัญญาณบวกต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของภาคการส่งออกไทย
สำหรับภาพรวมการส่งออกไทย 9 เดือนแรกของปี 2567 มีมูลค่า 223,176 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 3.9 % เมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัว 4.2 % การนำเข้า มีมูลค่า 229,132.8 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 5.5 % ดุลการค้า 9 เดือนแรก ขาดดุล 5,956.8 ล้านดอลลาร์
"การส่งออกในเดือนก.ย.นี้ ได้รับปัจจัยบวก จากภาวะการค้าโลก และเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่เติบโตดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดสหรัฐ ที่เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย นอกจากนี้ การส่งออกสินค้าเกษตร และอาหารมีแนวโน้มเติบโตได้ดี และคำสั่งซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เติบโตตามรอบวัฏจักร ส่งผลดีต่อสินค้าที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิต" นายพูนพงษ์ กล่าว
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า การส่งออกเดือนก.ย.ขยายตัว 1.1 % มาจากการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัว 3.5 % โดยสินค้าเกษตร ขยายตัว 0.2 % และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัว 7.8 % โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ข้าว ขยายตัว 15.2 % ยางพารา ขยายตัว 47.4 % อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ขยายตัว 15.6%) อาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัว 21.5 % ไก่แปรรูป ขยายตัว 0.8 % และไขมัน และน้ำมันจากพืช และสัตว์ ขยายตัว 27.4 %
ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง หดตัว 20.9 % ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง หดตัว 29.2 % น้ำตาลทราย หดตัว 10.4 % ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง หดตัว 3.0 % และผักกระป๋อง และผักแปรรูป หดตัว 6.4 % หดตัว ทั้งนี้ 9 เดือนแรกของปี 2567 การส่งออกสินค้าเกษตร และอุตสาหกรรมเกษตร 5.4%
ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 2.0 % โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ขยายตัว 25.5 % ผลิตภัณฑ์ยาง ขยายตัว 15.7 % เครื่องจักรกล และส่วนประกอบ ขยายตัว 8.7% เคมีภัณฑ์ ขยายตัว 4.4 % เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ขยายตัว 22.5 %
ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ หดตัว 9.9% อัญมณี และเครื่องประดับ หดตัว 6.5 % เม็ดพลาสติก หดตัว 5.2% เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ หดตัว 7.6 % เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบ และส่วนประกอบ หดตัว 20.6 % ทั้งนี้ 9 เดือนแรกของปี 2567 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว 3.8%
สำหรับตลาดส่งออกสำคัญส่วนใหญ่ยังขยายตัวโดยเฉพาะในสหรัฐ สหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักร ที่อุปสงค์มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง จากความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่ทยอยลดลง
ทั้งนี้ ภาพรวมการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดต่างๆ โดย ตลาดหลัก ขยายตัว 2.6 % เช่น ตลาดสหรัฐ 18.1 % สหภาพยุโรป (27) 4.1% และ CLMV 8.3 % ขณะที่หดตัวในตลาดจีน 7.8 % ญี่ปุ่น 5.5 % อาเซียน (5) 6.7 %
ส่วน ตลาดรอง ขยายตัว 1.3 % โดยขยายตัวในตลาดทวีปออสเตรเลีย 12.0 % ตะวันออกกลาง 3.5 % แอฟริกา 1.6 % ลาตินอเมริกา 15.0 % และสหราชอาณาจักร 29.3 % ขณะที่หดตัวในตลาดเอเชียใต้ 1.6 % และรัสเซีย และกลุ่ม CIS 9.8 % ตลาดอื่นๆ ขยายตัว 39.3 %
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกในปี 2567 กระทรวงพาณิชย์คาดว่า การส่งออกในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 จะยังคงเติบโตต่อเนื่อง แม้เผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น การเลือกตั้งในสหรัฐ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ การแข็งค่าของเงินบาท ปัญหาอุทกภัยที่ส่งผลกระทบต่อผลผลิตสินค้าเกษตร และการเปลี่ยนแปลงนโยบายการส่งออกข้าวของอินเดียที่อาจกระทบการส่งออกข้าวไทย เป็นต้น
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์คาดว่าการส่งออกทั้งปีจะบรรลุได้ตามเป้าหมายที่ 2 % โดยมีปัจจัยบวกที่สำคัญจากแนวโน้มการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น
ขณะที่ความต้องการสินค้าเกษตร และอาหารไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล และฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปี นอกจากนี้ แนวโน้มการลดลงของอัตราค่าระวางเรือขนส่งสินค้า จะช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผู้ส่งออกไทย ทำให้สินค้าไทยมีโอกาสเข้าถึงตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น
“การส่งออกของไทยในปีนี้ มีโอกาสจะโตเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 2 % ขณะที่มูลค่าการส่งออกทั้งปี ก็มีแนวโน้มจะทำนิวไฮ แตะที่ 290,000 ล้านดอลลาร์ จากในปี 2565 ที่เคยทำนิวไฮไว้แล้วที่ 287,000 ล้านดอลลาร์” นายพูนพงษ์ กล่าว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์