ไทยเปิดไต่สวน AD อะลูมิเนียมขึ้นรูปจีน เหล็กกล้าไร้สนิมเวียดนาม
พาณิชย์ เปิดไต่สวนทุ่มตลาด “อะลูมิเนียมขึ้นรูป” จากจีน และ “เหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ” จากเวียดนาม หลังผู้ผลิตในประเทศยื่นคำร้อง เพราะพบทุ่มตลาดจนได้รับความเสียหาย พร้อมจ่อเก็บอากรทุ่มตลาด “ยางในรถจักรยานยนต์” จากจีนต่ออีก 5 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา กรมการค้าต่างประเทศ ได้ประกาศเปิดไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าหลายชนิด ที่มีแหล่งกำเนิดจากหลายประเทศ โดยเฉพาะจีน และเวียดนาม ตามการยื่นคำร้องของผู้ผลิตภายในประเทศ ซึ่งมีทั้งสินค้าอะลูมิเนียมอัดขึ้นรูป ที่มีแหล่งกำเนิดจากจีน รวม 8 รายการ
โดยผู้ผลิตในไทยได้แสดงหลักฐานให้เห็นว่า ราคาขายสินค้าดังกล่าว ณ หน้าโรงงานของจีนต่ำกว่าของไทย และมีอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสงถึง 200.17% ของราคาซี ไอ เอฟ (ราคาสินค้ารวค่มาขนส่งและค่าประกันภัย)
นอกจากนี้ ยังมีปริมาณการนำเข้าเพิ่มขึ้นมาก จนส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตในประเทศ โดยทำให้สินค้าคงคลังและค่าจ้างต่อหน่วยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ผลตอบแทนจากการลงทุน กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ความสามารถในการระดมทุน และการเติบโตของกิจการมีแนวโน้มลดลง โดยการเปิดไต่สวนดังกล่าว จะมีระยะเวลาประมาณ 9-12 เดือน
พร้อมกันนั้น ยังอยู่ระหว่างการทบทวนความจำเป็นของการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) สินค้ายางในชนิดที่ใช้กับรถจักรยานยนต์ ที่มีแหล่งกำเนิดจากจีนต่อไป ตามที่ผู้ผลิตในประเทศยื่นคำร้อง หลังจากไทยต่ออายุการใช้มาตรการนี้เพื่อเรียกเก็บอากรเอดีกับสินค้านี้อัตรา 30.34-112.51% ของราคาซี ไอ เอฟ มาแล้ว 1 ครั้งและครบระยะเวลา 5 ปีเมื่อเดือนพ.ย.66
ทั้งนี้ มีแนวโน้มที่ไทยจะใช้มาตรการนี้ต่อเป็นครั้งที่ 2 เนื่องจากคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ที่มีรมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ได้พิจารณาแล้ว และมีคำวินิจฉัยเมื่อเดือนส.ค.67 ว่า มีข้อมูลและหลักฐานเพียงพอว่า หากยุติการเก็บอากรแล้ว จะทำให้มีการทุ่มตลาดในไทยต่อ และผู้ผลิตในประเทศจะยังคงได้รับความเสียหายต่อเนื่อง หรือความเสียหายฟื้นคืนมาอีก จึงให้เรียกเก็บอากรเอดีในอัตราดังกล่าวต่อไปอีก 5 ปี
ขณะเดียวกัน ยังได้ประกาศเปิดไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีความหนาตั้งแต่ 0.3-3.0 มิลลิเมตร และความกว้างไม่เกิน 1,320 มิลลิเมตร รวม 33 รายการ ที่มีแหล่งกำเนิดจากเวียดนาม ตามที่ผู้ผลิตภายในของไทยยื่นคำร้อง และแสดงหลักฐานว่า สินค้านี้มีการทุ่มตลาดในไทย เพราะพบว่า ราคาขาย ณ หน้าโรงงานที่เวียดนาม ต่ำกว่าราคาของไทย หรือพบอัตราส่วนเหลื่อการทุ่มตลาด 10.31% ของราคาซี ไอ เอฟ ส่งผลให้ปริมาณการนำเข้าสินค้านี้เพิ่มขึ้นมาก จนกระทบต่อผู้ผลิตไทย
โดยทำให้ยอดจำหน่าย ยอดผลิต และส่วนแบ่งตลาดมีแนวโน้มลดลง และผลประกอบการขาดทุน โดยการเปิดไต่สวนดังกล่าว จะมีระยะเวลา 9-12 เดือนเช่นกัน