SCB ประกาศ 3 ปัจจัยสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2050
SCB ประกาศ 3 ปัจจัยสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2050 เดินหน้าบริการสินเชื่อและการลงทุนปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ย้ำชัดนโยบายไม่ปล่อยสินเชื่อให้พลังงานถ่านหินใหม่ พร้อมพัฒนาแอพพลิเคชัน และนวัตกรรมบริการลูกค้า ตอกย้ำการเป็น Ai-First Bank
นายยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจ Wealth ธนาคารไทยพาณิชย์ และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนความยั่งยืน ร่วมสัมมนา POSTTODAY Thailand Smart City 2025 “การจัดการเมืองอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยีและ AI เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต” ในหัวข้อ “Smart Sustainability: Leading Business Toward Net Zero”
โดยระบุว่า SCB มีเป้าหมายเดินหน้าสู่ Net Zero ต้องปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ทั้งในด้านสนับสนุนลูกค้าจากการให้สินเชื่อและการลงทุน พัฒนาองค์กรสู่ดิจิทัลและ AI โซลูชัน โดยจะเป็น Ai-First Bank และพัฒนาสังคมที่เข้าไปสนับสนุนการสร้างพื้นที่สีเขียว
สำหรับธุรกิจ Wealth วางรากฐานสู่การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น สร้างช่องทาง AI ที่สามารถให้คำแนะนำทางการลงทุนในเบื้องต้นได้ เข้าถึงได้ตลอดเวลาทุกเวลาและทุกสถานที่
ขณะที่ความท้าทายสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2050 ได้ยึดหลักวิทยาศาสตร์โปร่งใสตรวจสอบได้ สร้างแรงจูงใจในการปรับตัวผ่านผลิตภัณฑ์การทางเงินยั่งยืน และเป็น True Partner จับพันธมิตรในการเป็นที่ปรึกษา ด้านความยั่งยืนในองค์ความรู้และเทคโนโลยี
โดยเรื่องความโปร่งใส SCB ยังเป็นสถาบันทางการเงินแห่งแรก และแห่งเดียวที่ยึดเป้าหมาย Net Zero ตามมาตรฐาน SBTi โดยประกาศมา 2 ปี ดำเนินการต่อเนื่อง ซึ่งตัวเลขของการปล่อยคาร์บอน เฉพาะในพอร์ตสินเชื่อปี 2023 รวมประมาณ 6.7 ล้านตันคาร์บอน ส่วนใหญ่อยู่ในภาคธุรกิจขนาดใหญ่ และเป็นกลุ่มพลังงานไฟฟ้า
ดังนั้นหากต้องการทำให้พอร์ตสะอาดขึ้น ต้องเพิ่มพอร์ตพลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียน โดยปัจจุบัน SCB ปล่อยสินเชื่อให้ธุรกิจพลังงานสะอาดไปแล้ว 2 แสนล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต อีกทั้งยังมีนโยบายจะไม่ปล่อยสินเชื่อให้พลังงานถ่านหินใหม่ รวมทั้งสนับสนุนลูกค้าไปสู่พลังงานสะอาดมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันปล่อยสินเชื่อพลังงานสะอาดคิดเป็น 61% ของการปล่อยสินเชื่อกลุ่มพลังงานทั้งหมด
ขณะที่การสร้างแรงจูงในในการปรับตัวผ่านผลิตภัณฑ์การทางเงินยั่งยืน SCB ได้หารือกับลูกค้าที่มุ่งมั่นลดคาร์บอน พร้อมทั้งตกลงว่าหากทำได้ตามเป้าหมายจะลดดอกเบี้ยให้ โดยยกตัวอย่างลูกค้าที่ใช้บริการนี้ไปแล้ว อาทิ อุตสาหกรรมปิโตรเคมี ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน อีกทั้ง SCB ยังมีโครงการสนับสนุนทุกกลุ่มลูกค้า อาทิ สินเชื่อลด PM2.5 ปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อไปซื้อรถตัดอ้อย ทดแทนการเผาอ้อย เป็นต้น
ส่วนการเป็น True Partner จับพันธมิตรในการเป็นที่ปรึกษา ด้านความยั่งยืนในองค์ความรู้และเทคโนโลยี ปัจจุบันมีโปรดักซ์ให้กับกลุ่มลูกค้า อาทิ กลุ่มธุรกิจโรงแรมที่ต้องการก้าวไปสู่ความยั่งยืน โดยให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าที่พร้อมจะปรับตัว ซึ่งจะค่อยๆ ก้าวไปทีละขั้นตอน สนับสนุนการให้ความรู้ พาพาร์ทเนอร์เข้ามาวัดอัตราการปล่อยคาร์บอน และให้ความรู้ด้านเทคโนโลยี รวมไปถึงกลุ่มลูกค้า SME ก็จัดสัมมนาให้ลูกค้า
“จาก 3 หลักการสู่ Net Zero ในช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ตั้งเป้าจะปล่อยสินเชื่อ 1.5 แสนล้านต่อปี ตอนนี้ปล่อยไปแล้ว 1.24 แสนล้านบาท เชื่อว่าหลักการที่นำมาใช้จะแตกต่าง 3 เรื่อง คือ เราประกาศเป้าหมายชัดเจน ทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และการจะเดินไปข้างหน้าพร้อมสนับสนุนลูกค้าและคนไทย แม้จะเป็นก้าวแรกแต่ต้องการความร่วมมือทุกฝ่าย”