PQS เผยดีมานด์แป้งมันต่างประเทศโต คำสั่งพุ่ง ดันยอดขายผู้ส่งออก 9 เดือนแรก

PQS เผยดีมานด์แป้งมันต่างประเทศโต คำสั่งพุ่ง ดันยอดขายผู้ส่งออก 9 เดือนแรก

PQS เผยดีมานด์แป้งมันสำปะหลังตลาดต่างประเทศสดใส คำสั่งซื้อทะลัก บาทอ่อนค่าในช่วงครึ่งปีแรกหนุนผลดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปีนี้ รายได้โต 17.8%

นายรัฐวิรุฬห์ ชาญจึงถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีเมียร์ควอลิตี้ สตาร์ช จำกัด (มหาชน) หรือ PQS ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (Premium Grade) และแป้งมันดัดแปร (Modified Starch) เปิดเผยว่า มูลค่าการส่งออกแป้งมันสำปะหลังของไทยใน 9 เดือนปี  2567 อยู่ที่ 45,172 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน

ทั้งนี้ สาเหตุหลักจากการส่งออกแป้งมันสำปะหลังไปจีนและอินโดนีเซียที่เพิ่มขึ้นรวมกว่า 8,002 ล้านบาท หรือ 36.1% นอกจากนั้น ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา และมาเลเซียมีการนำเข้าเพิ่มขึ้น

ประกอบกับเงินบาทที่อ่อนค่าในช่วงครึ่งปีแรกเมื่อเทียบกับปี 2566 ส่งผลให้มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นเมื่อคิดเป็นเงินบาท

ด้านราคาตลาดของแป้งมันสำปะหลังส่งออกในไตรมาส 3/2567 มีแนวโน้มลดลงตั้งแต่เดือน เม.ย.เป็นต้นมา โดยที่ราคาส่งออกเฉลี่ยในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 525 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ต่ำลงกว่าไตรมาส 3/2566 ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 572 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน

PQS เผยดีมานด์แป้งมันต่างประเทศโต คำสั่งพุ่ง ดันยอดขายผู้ส่งออก 9 เดือนแรก

ผลการดำเนินงาน 9 เดือนปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 2,075.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 312.9 ล้านบาทหรือ 17.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน  โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 21.1% เพิ่มขึ้นจาก 5.9% ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 207.8 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 254.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 58.6 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 บริษัทมีรายได้รวม 777.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% และมีกำไรสุทธิ 81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 123.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 36.3 ล้านบาท

ทั้งนี้ ไตรมาส 3 บริษัทมีรายได้จากการขายแป้งมันสำปะหลังเพิ่มขึ้น 48.4% เนื่องจากภาพรวมปริมาณวัตถุดิบมันสำปะหลังสดในปีนี้ดีกว่าปี 2566 ทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพทำให้บริษัทมีวัตถุดิบมาใช้ผลิตแป้งมันฯ มากขึ้น

แม้ว่าราคาขายต่อหน่วยที่เฉลี่ยต่ำลงกว่างวดเดียวกันของปีก่อนทั้งในสกุลเงินบาทและเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่บริษัทฯ บริหารจัดการต้นทุนได้มีประสิทธิภาพขึ้น

ประกอบกับมีคำสั่งซื้อของลูกค้าในกลุ่มอาหารเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลดอลลาร์ในช่วงไตรมาส 3 แต่บริษัทบริหารจัดการผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิผล จากการดำเนินนโยบายป้องกันความเสี่ยงสำหรับสกุลเงินตราต่างประเทศ

ทั้งนี้ฐานะการเงินของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง โดย ณ วันที่ 30 ก.ย. 2567 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 2,618.6 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 463.8 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 2,154.8 ล้านบาท บริษัทมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย 346.4 ล้านบาท มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดปลายงวด 193.1 ล้านบาท

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2567 บริษัทได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการประจำปี 2567 หรือ “CG Scoring” ในระดับ 4 ดาว หรือ “ดีมาก” ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai IOD)

นายรัฐวิรุฬห์ กล่าวว่า โครงการลงทุนเพื่อการเติบโตของบริษัท ปัจจุบันโรงงานใหม่ 2 แห่ง คือการสร้างโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังแห่งใหม่ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นและมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น โดยโครงการนี้อยู่ระหว่างการทดสอบกระบวนการผลิต

ส่วนโครงการเพื่อต่อยอดธุรกิจของบริษัทไปในธุรกิจปลายน้ำ เป็นโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปร (Modified Starch) ที่จังหวัดมุกดาหาร จะทำให้บริษัทสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลิตภัณฑ์ปัจจุบันและใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยทั้ง 2 โรงงาน จะสร้างรายได้ให้บริษัทเติบโตมากขึ้นในปีหน้า