3 ซีอีโอใหญ่ชี้ยุคทองเอเชีย ‘โอกาสไทย’ ดึงทุนต่างชาติ

3 ซีอีโอใหญ่ชี้ยุคทองเอเชีย ‘โอกาสไทย’ ดึงทุนต่างชาติ

ซีอีโอ บิ๊กคอร์ป ลั่นโอกาสทองประเทศไทย "ศุภชัย"  ย้ำจุดยืนไทยเป็นกลางปักหมุดสวิตช์แห่งเอเชีย "ชาติศิริ" ชี้ยุคทองเอเชีย เปลี่ยนผ่านจัดระเบียบซัพพลายเชนใหม่ ชู "ESG" แนวทางรับลงทุนต่างชาติเข้าไทย "ปณต" ระบุอาเซียนเข้าสู่ช่วงเวลาเบ่งบานเสมือนฤดูใบไม้ผลิ

การประชุมซีอีโอระดับโลก “Forbes Global CEO Conference” ครั้งที่ 22 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ เปิดฉากอย่างเป็นทางการแล้ววานนี้ (20 พ.ย.67) ภายใต้ธีม “New Paradigms” เจาะลึกถึงโลกอนาคตที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการผลัดเปลี่ยนรัฐบาลชุดใหม่ การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นทั่วโลก ความตึงเครียดด้านภูมิศาสตร์และการค้า สภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ไปจนถึงการเติบโตก้าวกระโดดของเทคโนโลยีและอื่นๆ

โดยภายในงานรวบรวมผู้นำทางธุรกิจที่ทรงอิทธิพลจากทั่วโลกไว้กว่า 400 คน รวมทั้งผู้นำองค์กรธุรกิจชั้นนำไทยร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเศรษฐกิจ การลงทุน และโอกาสของภูมิภาคอาเซียน ในการเสวนาหัวข้อ “Thailand Now-And Next”

นายศุภชัย เจียรวนนท์ รองประธานอาวุโส และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (ซีพี) และประธานกรรมการบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จุดยืนของไทยยังคงเป็นกลาง ท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน แม้ความตึงเครียดระหว่างทั้ง 2 ประเทศจะเพิ่มขึ้น หลังการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ ในสมัยที่ 2

“ประเทศจีนเป็นเหมือนพี่ใหญ่สำหรับไทย ขณะที่สหรัฐเป็นเหมือนบิ๊กบอส ซึ่งไทยพร้อมจะทำงานกับทั้งคู่ และผมมองว่าประเทศไทย จะเป็นแพลตฟอร์มที่ทั้งสองประเทศสามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ในหลายมิติ ขณะนี้ไทยยืนอยู่ในจุดที่ดีมากเหมือนเป็นสวิตช์แห่งเอเชีย”

3 ซีอีโอใหญ่ชี้ยุคทองเอเชีย ‘โอกาสไทย’ ดึงทุนต่างชาติ

เตรียมซัพพลายเชนภูมิภาครับโลกแบ่งขั้ว

ทั้งนี้ในมุมมองเครือซีพี การลงทุนในภูมิภาคอาเซียนยังคงน่าดึงดูดที่สุด เนื่องจากอาเซียนมีอัตราการเติบโตที่ดี ปัจจุบัน เครือซีพีกระจายการลงทุนไปใน 21 ประเทศทั่วโลก ทั้งในไทย จีน อาเซียน ยุโรป สหรัฐ และรัสเซีย โดยดำเนินธุรกิจหลักในกลุ่มเกษตร และอาหาร ซึ่งความขัดแย้งระหว่างภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลกระทบไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม ธุรกิจยังต้องมีการปรับตัวรับการแบ่งแยกขั้ว หรือโลกาภิวัตน์ถดถอย ด้วยการสร้างซัพพลายเชนในภูมิภาค

ขณะที่การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะเอไอนั้น จะเข้ามาเปลี่ยนภูมิทัศน์ภาคธุรกิจทั้งองคาพยพ ตั้งแต่การดำเนินงานที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพ พัฒนานวัตกรรม และสินค้า ไปจนถึงการบริหารองค์กร

“แต่ละแผนกจะต้องฝึกการใช้เอไอเพื่อเป็นเครื่องมือที่เข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพการทำงาน ซึ่งเชื่อว่าการทำงานกับเอไอจะทำให้บริษัทเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าได้มากขึ้น รวมทั้งช่วยลดต้นทุนให้องค์กรด้วย”

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า การเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัลจะต้องเกิดขึ้นตั้งแต่วิสัยทัศน์ของผู้นำ รวมทั้งการเรียนรู้ใหม่ของผู้บริหารระดับสูง การเปิดกว้างร่วมลงทุนกับบริษัทเทคโนโลยีเพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเร็วมาก รวมทั้งต้องรับฟัง และเรียนรู้จากคนรุ่นใหม่

3 ซีอีโอใหญ่ชี้ยุคทองเอเชีย ‘โอกาสไทย’ ดึงทุนต่างชาติ

ความร่วมมืออาเซียนแต้มต่อเศรษฐกิจ

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงเวลาแห่งการเติบโตของอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดเกิดใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง โดยคาดว่าอาเซียนจะก้าวขึ้นเป็นภูมิภาคที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่หลั่งไหลเข้ามาในภูมิภาคจากการจัดระเบียบซัพพลายเชนโลกใหม่

มองว่าเทรนด์การเคลื่อนย้ายฐานทุนมายังเอเชียจะยังคงเกิดขึ้น แม้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขั้วการเมืองของสหรัฐ รวมทั้งเทรนด์การระดมทุนเพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืน และ ESG จะเป็นแม่เหล็กที่สามารถถึงดูดเงินลงทุนเ                                                         ข้ามาในประเทศได้ โดยการร่วมมือกันของภูมิภาคอาเซียนจะเป็นการสร้างแต้มต่อให้กับการเติบโตของเศรษฐกิจ

รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และเอไอ เข้ามาพลิกเกมธุรกิจที่สามารถนำมาใช้ได้ในหลายบริบท ทั้งตัวองค์กร และลูกค้า ที่จะได้ประโยชน์ อีกทั้งรักษาความสามารถในการแข่งขัน

“2 ปีข้างหน้าเป็นช่วงเวลาสำคัญที่มีทั้งความเสี่ยง และโอกาส การลงทุนที่จะเข้ามาในประเทศจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ทั้งเทคโนโลยีเอไอ และการก้าวสู่แนวทางความยั่งยืน ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ”

3 ซีอีโอใหญ่ชี้ยุคทองเอเชีย ‘โอกาสไทย’ ดึงทุนต่างชาติ

โอกาสทองไทยรับต่างชาติไหลลงทุนอาเซียน

นายปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่าปัจจุบันทุนจากต่างประเทศเริ่มไหลเข้ามาลงทุนในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น เปรียบเสมือน “ฤดูใบไม้ผลิที่เข้ามาเยือนอาเซียน” ถือเป็นโอกาสที่ดีในยุคอาเซียนกำลังมาแรง และประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคแห่งนี้

ไทยถือเป็นประเทศยุทธศาสตร์สำคัญในอาเซียนที่มีความได้เปรียบเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ ไทยมีความแข็งแรงของภาคการท่องเที่ยว ที่มีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ ส่งผลให้ช่วงที่ผ่านมามีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น ถือเป็นจุดศูนย์กลางที่ลงตัวเพราะสามารถรองรับดีมานด์จากจีน และสหรัฐได้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปัจจุบันจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเยือนไทยจะคงที่แต่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเป็นกลุ่มคุณภาพมากขึ้น เป็นส่วนหนึ่งทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัว ขณะเดียวกันในภาคอุตสาหกรรม และโลจิสติกส์ มีการเข้ามาลงทุนของกลุ่มทุนต่างชาติมากขึ้นเช่นกัน ดังนั้นผู้ประกอบการจะต้องปรับกระบวนทัศน์ใหม่เพื่อรองรับโอกาส และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

“ในฐานะผู้ประกอบการต้องปรับตัวเพื่อรับกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และอนาคตที่มองไม่เห็นไว้ล่วงหน้า เพราะความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน ยิ่งในยุคนี้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นรวดเร็วมาก”

ธุรกิจประยุกต์ใช้เทคโนโลยี

นายปณต กล่าวต่อว่า การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์สามารถเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และช่วยลดช่องว่างของความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจได้จึงเป็นที่มาของการพัฒนาโครงการ “วัน แบงค็อก” บนถนนพระราม 4 ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับคุณภาพชีวิต และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศไทย

ในโครงการยังได้มีการติดตั้งระบบเซนเซอร์ และจุดควบคุมอัจฉริยะมากกว่า 250,000 ตัว รวมถึงกล้องวงจรปิดกว่า 5,000 จุด ที่สามารถตรวจสอบและบันทึกข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพื่อประสิทธิภาพของระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่เข้ามาอยู่อาศัยและใช้บริการ

 “ทุกอย่างในโครงการมาจากข้อมูล การเรียนรู้จากโลกแห่งความเป็นจริงไม่ได้อยู่ในกระดาษ ฉะนั้นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้จึงมีความสำคัญมากขึ้นเช่นกัน”

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์