พาณิชย์เปิดข้อมูล 10 ธุรกิจค้าปลีกเด่น กำไรเติบโตเผชิญความท้าทายเศรษฐกิจ

พาณิชย์เปิดข้อมูล 10 ธุรกิจค้าปลีกเด่น กำไรเติบโตเผชิญความท้าทายเศรษฐกิจ

สนค.วิเคราะห์ธุรกิจค้าปลีกไทย เผย  ตลาดค้าปลีกไทยมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย 4.8% ต่อปี มีแรงงานกว่า   2  ล้านราย ชี้ธุรกิจค้าปลีกแข่งขันสูง แนะผู้ประกอบการปรับตัว

KEY

POINTS

Key Point

  • ปี 2566-2571 ตลาดค้าปลีกโลกมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย 2.9% ต่อปี
  • เอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตของมูลค่าตลาดค้าปลีกสูงสุดในโลก
  • ตลาดค้าปลีกของไทยมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย 4.8% ต่อปี
  • แรงงานในธุรกิจค้าปลีกมีจำนวน 2,892,932 ราย
  • ธุรกิจค้าปลีกเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าสูง และก่อให้เกิดการจ้างงานเป็นวงกว้าง

ธุรกิจค้าปลีกไทย หรือ โมเดิร์นเทรน เป็นธุรกิจที่บทบาทสำคัญต่อ เศรษฐกิจไทย เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของคนไทย และมีการจ้างงานมากกว่า  2 ล้านคน  โดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า  (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ ได้ศึกษาถึงสถานการณ์ของธุรกิจค้าปลีก

โดยในปี 2566-2571 ตลาดค้าปลีกโลก มีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย 2.9% ต่อปี โดยในปี 2566 มีมูลค่าประมาณ 18.16 ล้านล้านดอลลาร์  ฟื้นตัวจากปีก่อนหน้าเล็กน้อยประมาณ 1% แบ่งเป็นค้าปลีกแบบซื้อขายหน้าร้านค้า (ออฟไลน์) ประมาณ 14.18 ล้านล้านดอลลาร์ และซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ประมาณ 3.98 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งอัตราการเติบโตของการขายผ่านช่องทางออนไลน์ลดน้อยลงเมื่อเทียบกับช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19

เอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตของมูลค่าตลาดค้าปลีกสูงสุดในโลก คิดเป็น  37 % ของการค้าปลีกทั่วโลก โดยคาดว่า ในช่วงปี 2566-2571 จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ ตลาดค้าปลีกที่คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตมากที่สุดในโลกในช่วงปี 2566-2571 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา  จีน   ญี่ปุ่น  อินเดีย  สหราชอาณาจักร  เกาหลีใต้  เม็กซิโก  บราซิล อินโดนีเซีย และ เวียดนาม

พาณิชย์เปิดข้อมูล 10 ธุรกิจค้าปลีกเด่น กำไรเติบโตเผชิญความท้าทายเศรษฐกิจ          ที่มา : สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์

สำหรับสถานการณ์ค้าปลีกของไทย พบว่าในปี 2566-2571 ตลาดค้าปลีกไทย มีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย 4.8% ต่อปี โดยในปี 2566 มีมูลค่าประมาณ 4.32 ล้านล้านบาทเติบโตจากปีก่อนหน้า 7.3 % แบ่งเป็นค้าปลีกแบบซื้อขายหน้าร้านค้า (ออฟไลน์) ประมาณ 3.4 ล้านล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า  6.0 %  และซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ ประมาณ 9.24 แสนล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 12.6 %

ในปี 2566 ธุรกิจการขายส่ง การขายปลีก และการซ่อมแซมยานยนต์ มีมูลค่า GDP อยู่ที่ 2,807,891 ล้านบาท(ณ ราคาปัจจุบัน) มีสัดส่วนเป็นอันดับ 1 ของสาขาธุรกิจบริการทั้งหมด คิดเป็น  25.69  % ของมูลค่า GDPภาคบริการ และคิดเป็นสัดส่วน 15.71 %  ของ GDP ของไทย มีจำนวนนิติบุคคลในธุรกิจค้าปลีกอยู่ที่ 120,862 ราย

โดยในแง่ของการจ้างงาน มีแรงงานในธุรกิจค้าปลีกจำนวน 2,892,932 ราย คิดเป็น13.56   % ของจำนวนแรงงาน ในธุรกิจสาขาบริการ และคิดเป็นสัดส่วน 7.25  %  ของจำนวนแรงงานในทุกสาขาของทั้งประเทศ จะเห็นว่าธุรกิจค้าปลีกเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าสูง และก่อให้เกิดการจ้างงานเป็นวงกว้าง

หากจัดกลุ่มธุรกิจขายปลีกของไทย โดยพิจารณาจากการเปรียบเทียบรายได้รวมระหว่างปี 2565 และ 2566และ กำไร (ขาดทุน) สุทธิ ในปี 2566 เทียบกับกำไร (ขาดทุน) สุทธิ ในปี 2565 พบว่า สามารถแบ่งกลุ่มธุรกิจขายปลีก ออกได้เป็น 3 กลุ่ม คือ

กลุ่ม 1 กลุ่มธุรกิจขายปลีกดาวเด่น คือกลุ่มธุรกิจที่ในปี 2566 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ได้แก่

1. กลุ่มธุรกิจการขายปลีกเครื่องมือสารสนเทศและการสื่อสารในร้านเฉพาะ

2. กลุ่มธุรกิจการขายปลีกสินค้าอื่นๆ ในร้านค้าเฉพาะ

3.กลุ่มธุรกิจการขายปลีกบนแผงลอยและตลาด

4. กลุ่มธุรกิจการขายปลีกสินค้าทางวัฒนธรรมและนันทนาการในร้านค้าเฉพาะ

กลุ่ม 2 กลุ่มธุรกิจขายปลีกมีศักยภาพ คือกลุ่มธุรกิจที่มีรายได้รวมเพิ่มมากขึ้นในปี 2566 แต่มีกำไรสุทธิลดลง ขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้น ได้แก่

1. กลุ่มธุรกิจการขายปลีกในร้านค้าทั่วไป

2. กลุ่มธุรกิจการขายปลีกทางอินเทอร์เน็ต

กลุ่ม 3 กลุ่มธุรกิจขายปลีกที่ต้องพัฒนา คือกลุ่มธุรกิจที่มีรายได้รวมลดลง และมีกำไรสุทธิลดลง ขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้น ในปี 2566 ได้แก่

1.กลุ่มธุรกิจการขายปลีกอาหารและเครื่องดื่มในร้านค้าเฉพาะ

2. กลุ่มธุรกิจการขายปลีกเชื้อเพลิงยานยนต์ในร้านค้าเฉพาะ สถานี ปั๊ม

3. กลุ่มธุรกิจการขายปลีกเครื่องใช้อื่นๆ ในครัวเรือนในร้านค้าเฉพาะ
4. กลุ่มธุรกิจการขายปลีกสินค้ามือสองในร้านค้าเฉพาะ

5. กลุ่มธุรกิจการขายปลีกที่ไม่ได้กระทำในร้านค้า แผงลอยหรือตลาด

“พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์” ผู้อำนวยการสนค.กล่าวว่า ธุรกิจค้าปลีกเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงทั้งจากผู้ประกอบการไทยและต่างชาติ ผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายและหลากหลายของสินค้า รวมถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยหันมาซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น ผู้ประกอบการจึงต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ