เปิดโลเคชั่น 4 ที่ดินการรถไฟฯ สนองนโยบาย 'บ้านเพื่อคนไทย'
เปิดโลเคชั่น 4 ที่ดินการรถไฟฯ ปรับแผนหารายได้ จากเดิมจ่อเปิดให้เอกชนร่วมทุนพัฒนาโครงการ "มิกซ์ยูส" หารายได้นอกเหนือกิจการเดินรถ สู่การพัฒนาสนองนโยบาย "บ้านเพื่อคนไทย" ทั้งคอนโดมิเนียม และบ้านเดี่ยว พร้อมเฟอร์นิเจอร์ เปิดห้องตัวอย่าง 20 ม.ค.นี้
KEY
POINTS
- เปิดโลเคชั่น 4 ที่ดินการรถไฟฯ ปรับแผนหารายได้ จากเดิมจ่อเปิดให้เอกชนร่วมทุนพัฒนาโครงการ "มิกซ์ยูส" หารายได้นอกเหนือกิจการเดินรถ สู่การพัฒนาสนองนโยบาย "บ้านเพื่อคนไทย"
- "ที่ดินบริเวณสถานีธนบุรี" ล้มแผนพัฒนาเมืองแห่งการแพทย์ บนพื้นที่ 21 ไร่ 3 งาน มูลค่าโครงการประมาณ 3.5 พันล้านบาท เช่นเดียวกับ "ที่ดิน กม.11" เขย่าแผนพัฒนามิกซ์ยูส 1 แสนล้านบาท
- ส่องภาพตัวอย่างทั้งคอนโดมิเนียม และบ้านเดี่ยว พร้อมเฟอร์นิเจอร์ ก่อนเปิดตัวห้องอย่างเป็นทางการ ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ 20 ม.ค.นี้ เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้เข้าชมโครงการ
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศเดินหน้า “โครงการบ้านเพื่อคนไทย” ซึ่งจะนำร่องในพื้นที่ที่มีทำเลดี เดินทางสะดวก ใกล้เมือง บนพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยมีรูปแบบพัฒนาที่อยู่อาศัยทั้งคอนโดมิเนียม และบ้านเดี่ยว พร้อมเฟอร์นิเจอร์ และเตรียมเปิดตัวห้องตัวอย่าง ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ 20 ม.ค.นี้ เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้เข้าชมโครงการ
สำหรับพื้นที่นำร่องของการพัฒนาบ้านเพื่อคนไทยภายใต้ที่ดินการรถไฟฯ เบื้องต้นมี 4 โครงการ ประกอบด้วย
1. ที่ดินย่าน กม.11
2.ที่ดินบริเวณสถานีเชียงราก
3. ที่ดินบริเวณสถานีธนบุรี
4.ที่ดินในจังหวัดเชียงใหม่
อย่างไรก็ดี พื้นที่นำร่องพัฒนาบ้านเพื่อคนไทยบนที่ดินของ รฟท.นั้น หากย้อนดูแผนพัฒนาที่ รฟท.ศึกษาไว้ พบว่าที่ดินเหล่านี้ถือเป็นขุมทรัพย์ที่ดินแปลงศักยภาพที่เตรียมเปิดประกวดราคาจัดหาเอกชนร่วมลงทุน พัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์ และจัดเก็บเป็นรายได้นอกเหนือจากการเดินรถ (Non Core) เพื่อทำให้ รฟท.กลายเป็นองค์กรที่มีรายได้หลากหลายช่องทางและเติบโตอย่างยั่งยืน
สำหรับแปลงที่ดินศักยภาพสูงที่ รฟท.เตรียมปรับแผนจากการเปิดให้เอกชนร่วมลงทุน เป็นการพัฒนาที่ดินเพื่อตอบสนองนโยบาย “บ้านเพื่อคนไทย” ของรัฐบาลนั้น ย้อนแผนพัฒนาในอดีต โดยเฉพาะ “ที่ดินบริเวณสถานีธนบุรี” ถือเป็นที่ดินศักยภาพสูง ทิศเหนือติดซอยวัดวิเศษการ ตลาดรถไฟธนบุรี สถานีรถไฟธนบุรี ทิศใต้มีที่อยู่อาศัยโดยรอบ และทิศตะวันออก ติดซอยวัดวิเศษการ ศูนย์ไตเทียมกัลยาณิวัฒนา และวัดฉิมทายกาวาส
อีกทั้งย่านสถานีธนบุรี ถือเป็นพื้นที่ที่จะเป็นศูนย์กลางการเดินทางเชื่อมต่อที่สำคัญของกรุงเทพฯ ในอนาคตจะสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าได้ 3 เส้นทาง โดยอยู่ห่างโครงการประมาณ 800 เมตร ได้แก่ สายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน - ศิริราช, สายสีส้มตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ - บางขุนนนท์ และสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง – บางแค
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ รฟท.มีแผนเปิดประกวดราคาจัดหาเอกชนร่วมลงทุนพัฒนาที่ดินย่านนี้ บนพื้นที่ 21 ไร่ 3 งาน เป็นลักษณะโครงการผสมผสาน หรือ มิกซ์ยูส มูลค่าโครงการประมาณ 3.5 พันล้านบาท เป้าหมายพัฒนาเป็น "เมืองแห่งการแพทย์" หรือ Medical District ที่สำคัญของภูมิภาค โดยรายละเอียดการพัฒนาโครงการ จะแบ่งออกเป็น 4 โซน ประกอบด้วย
1.พื้นที่โรงแรมและศูนย์การค้าสูง 13 ชั้น โดยจะเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว 720 ห้อง มีศูนย์การค้าอำนวยความสะดวกภายใน มีที่จอดรถ 501 คัน
2.ศูนย์พักฟื้นและฟื้นฟูสุขภาพ หรือเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ 1 จำนวน 280 ห้อง ที่จอดรถ 232 คัน เปิดบริการในระดับลักซ์ชัวรี่
3.เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 2 จำนวน 300 ห้อง ที่จอดรถ 235 คัน
4.บ้านพักสำหรับพนักงานการรถไฟ เป็นอาคารสูง 13 ชั้น 315 ห้อง ที่จอดรถ 265 คัน
ส่วนที่ดินบริเวณ “นิคม กม. 11” ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 279 ไร่ ตั้งอยู่ติดถนนวิภาวดี - รังสิต และถนนกำแพงเพชร 2 เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญสอดคล้องกับแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่ย่านพหลโยธิน ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางระบบการคมนาคมขนส่ง โดยก่อนหน้านี้ รฟท.ได้ศึกษาจะพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส ผสมผสานทั้งที่อยู่อาศัย อาคารเชิงพาณิชย์ และคาดมีมูลค่าลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท
ขณะที่ “สถานีรถไฟเชียงราก” เป็นสถานีรถไฟในเส้นทางสายเหนือและสายตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งอยู่ในอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เป็นจุดลงรถสำหรับผู้ที่ต้องการไปที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ โดยสถานีนี้นับว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของการเดินทางด้วยระบบขนส่งทางราง เพราะอยู่ในพื้นที่ที่จะมีรถไฟขบวนปกติ รถไฟด่วนพิเศษ รวมไปถึงรถไฟความเร็วสูงที่จะเปิดให้บริการในอนาคต
และ “สถานีรถไฟเชียงใหม่” ซึ่งตั้งอยู่บริเวณโดยรอบสถานีรถไฟเชียงใหม่ ที่เป็นสถานีสำคัญมีประชาชนและนักท่องเที่ยวมาใช้บริการในแต่ละวันจำนวนมาก โดยพบว่ามีพื้นที่โดยรอบมากกว่า 60 ไร่ และปัจจุบันไม่ได้มีการพัฒนาพื้นที่