เปิดเกณฑ์ใหม่ Easy E-Receipt แบ่งใช้จ่าย 2 ตะกร้า ลดหย่อนสูงสุด 5 หมื่นบาท
"คลัง" เผยมาตรการ Easy E-Receipt ปรับหลักเกณฑ์ใหม่ แบ่งใช้จ่ายได้ 2 ตะกร้า สินค้าทั่วไปและบริการท่องเที่ยว จำกัดวงเงินไม่เกิน 3 หมื่นบาท และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน OTOP ตั้งแต่ 2-5 หมื่นบาท ลดหย่อนสูงสุด 5 หมื่นบาท เล็งกระตุ้นใช้จ่าย พร้อมดึงผู้ประกอบการเข้าระบบภาษี
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการลดหย่อนภาษี โครงการ Easy E-Receipt (อีซี่ อี-รีซีท) เป็นของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 24 ธ.ค.นี้
ทั้งนี้ โครงการ Easy E-Receipt สำหรับให้ประชาชนที่อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องชำระภาษี ไปจับจ่ายใช้สอยใน กับร้านค้าที่ออกใบกำกับภาษี/ใบรับ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt วงเงิน 50,000 บาท เริ่มตั้งแต่ 15 ม.ค.-28 ก.พ.2568 โดยสามารถนำใบกำกับภาษีดังกล่าวไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีภาษี 2568
โดยมีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ เงื่อนไขในการใช้จ่ายแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้
1.สำหรับการใช้จ่ายสินค้าทั่วไปและบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น ทัวร์ เช่ารถ โรงแรม และร้านอาหาร กำหนดวงเงินลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30,000 บาท
2.สำหรับการใช้จ่ายร้านวิสาหกิจชุมชน SME และร้านค้า OTOP ลดหย่อนภาษีได้ตั้งแต่ 20,000 - 50,000 บาท
"กระทรวงการคลังมีแผนที่จะจัดทำมาตรการอย่างสม่ำเสมอ เพื่อส่งสัญญาณเชิญชวนให้ผู้ประกอบการเข้ามาลงทะเบียนในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งผู้ประกอบการที่เข้าร่วมมาตรการดังกล่าวก็จะได้ประโยชน์ตรงที่มาตรการจะช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น"
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า โครงการ Easy E-Receipt ในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้มีร้านค้าที่เข้ามาอยู่ในระบบภาษีมากขึ้น 20% ทั้งนี้วิสาหกิจชุมชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถลงทะเบียนเข้าระบบภาษีมูลค่าเพิ่มได้ ซึ่งระยะเวลาในการลงทะเบียนเพียง 1 สัปดาห์
นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำว่าการเข้าระบบภาษี ไม่ได้หมายความว่าต้องเสียภาษี หากร้านค้ามีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ก็ไม่จำเป็นต้องเสียภาษี ทั้งยังง่ายต่อการยื่นแบบภาษีอีกด้วย
ทั้งนี้กระทรวงการคลังคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 70,000 ล้านบาท และทำให้รัฐสูญเสียการจัดเก็บรายได้ราว 10,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ค่าสินค้าหรือค่าบริการที่สามารถหักลดหย่อนได้ไม่รวมถึง
(1) ค่าซื้อสุรา เบียร์ และไวน์
(2) ค่าซื้อยาสูบ
(3) ค่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ
(4) ค่าน้ำมันและก๊าซ ค่ายริการประจุไฟฟ้า สำหรับเติมยานพาหนะ
(5) ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ ค่าบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต และค่าบริการสำหรับบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการระยะยาวซึ่งเริ่มต้นก่อนวันที่ 15 ม.ค. 2568 หรือสิ้นสุดหลังวันที่ 28 ก.พ.2568 แม้ว่าจะจ่ายค่าบริการระหว่างวันที่ 15 ม.ค.2568 ถึงวันที่ 28 ก.พ.2568 ก็ตาม
(6) ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย โดยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด