'ไทย สมายล์ บัส' ลุยระบบแตะจ่ายค่าโดยสาร หวังดันผู้โดยสารพุ่ง 4.8 แสนคน

'ไทย สมายล์ บัส' ลุยระบบแตะจ่ายค่าโดยสาร หวังดันผู้โดยสารพุ่ง 4.8 แสนคน

ไทย สมายล์ บัส เผยปี 67 ผู้โดยสารแตะ 4 แสนคนต่อวัน ตั้งเป้าปีหน้าโตต่อเนื่องสูงสุด 4.8 แสนคนต่อวัน หลังเปิดกลยุทธ์ดึงเทคโนโลยียกระดับบริการ นำร่องไตรมาส 1 แตะจ่ายค่าโดยสารด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรเครดิตและเดบิต รับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นตัว

นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (TSB) เปิดเผยว่า ตลอดปี 2567 ที่ผ่านมา ภาพรวมของการดำเนินธุรกิจเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งการให้บริการเดินรถของ ไทย สมายล์ บัส ที่มียอดผู้โดยสารเพิ่มขึ้น รายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการที่ผู้ประกอบการเดินรถในกรุงเทพฯ - ปริมณฑล ได้มีการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่เส้นทางปฏิรูป 100% ทำให้ผู้ประกอบการทุกรายเข้ามาอยู่ในกฎกติกาเดียวกัน รวมถึงการถอดถอนของกลุ่มผู้ให้บริการรถร่วมที่หมดสัญญาสัมปทานเดินรถ

นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เติมรถเข้าระบบเพิ่มขึ้นกว่า 32% ส่งผลให้จำนวนรถที่ให้บริการมีเฉลี่ยวันละ 1,650 คัน (ไม่รวมรถหมุนเวียน) จากเดิมที่มีรถให้บริการในช่วงต้นปี 2567 อยู่ที่ 1,251 คัน และในปีหน้ายังคงมีแผนเพิ่มรถให้บริการไปอยู่ในระดับ 2,000 คันต่อวัน โดยปริมาณรถให้บริการที่เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น โดยในปี 2567 มียอดผู้โดยสารเพิ่มขึ้นมาเฉลี่ยวันละ 3.8 แสนคนต่อวัน จากช่วงต้นปีอยู่ที่ 2.5 แสนคนต่อวัน

\'ไทย สมายล์ บัส\' ลุยระบบแตะจ่ายค่าโดยสาร หวังดันผู้โดยสารพุ่ง 4.8 แสนคน

ขณะเดียวกัน ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังปรับปรุงระบบปฏิบัติการภายใน ทั้งการควบคุมคุณภาพการเดินรถ พัฒนาบุคลากร จัดทำให้การเดินรถมีมาตรฐาน มีความแน่นอนมากขึ้นในหลายเส้นทาง สะท้อนได้จากข้อร้องเรียนพฤติกรรมการขับขี่ของกัปตันเมล์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังมีการฝึกอบรมพนักงานเพื่อพร้อมให้บริการผู้โดยสารอย่างมีมาตรฐาน และขับรถโดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ทำให้ในปีที่ผ่านมามีอุบัติเหตุ 400 ครั้ง หรือเฉลี่ย 0.21% ซึ่งพบว่า 50% ผู้ขับของไทย สมายล์ บัส เป็นฝ่ายถูก โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายมุ่งลดอุบัติเหตุให้เป็น 0

“ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ปัจจุบัน สามารถกลับมาเป็นบวกได้แล้ว ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ปี 2567 ดังนั้นในปีหน้า บริษัทฯ จะยังยึดแนวทาง 4 ข้อ ได้แก่ 1.การพัฒนาคุณภาพการให้บริการ 2.พัฒนาบุคลากร 3.พัฒนาเป็นระบบเดินรถ และ 4.ใช้เทคโนโลยีเข้ามาส่งเสริมการทำงาน เชื่อว่าจะช่วยให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนแน่นอน” นางสาวกุลพรภัสร์ กล่าว

\'ไทย สมายล์ บัส\' ลุยระบบแตะจ่ายค่าโดยสาร หวังดันผู้โดยสารพุ่ง 4.8 แสนคน

นางสาวกุลพรภัสร์ กล่าวด้วยว่า ในปีหน้าบริษัทฯ จะลงทุนติดตั้งระบบการติดตามการปล่อยรถ ยกระดับให้เหมือนหอบังคับการบิน คือ รถทุกคันของไทย สมายล์ บัส ทุกคันจะสามารถมอนิเตอร์รถได้อย่างเรียลไทม์ ห่างกันกี่นาที เข้าป้ายกี่โมง สภาพการจราจร ไปจนถึงการแจ้งไปยังรถที่อยู่บนถนนให้สามารถรู้ระยะห่างของแต่ละคันได้ พร้อมพัฒนาบุคลากรในส่วนควบคุมควบคู่กันไปด้วย โดยไทย สมายล์ บัส จะเป็นเจ้าแรกที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาจับ และสร้างการเติบโตให้อุตสาหกรรมรถเมล์ของไทยอย่างยั่งยืน

ด้านนายวรวิทย์ ชาญชญานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายปฏิบัติการและกลยุทธ์ บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด กล่าวว่า การให้บริการของบริษัทฯ ปัจจุบันได้รับใบอนุญาตอยู่ 124 เส้นทาง พร้อมกับได้ให้บริการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เป็นการชั่วคราว (ใบอนุญาต ม.41) จำนวน 8 เส้นทาง โดยบริษัทฯ ยืนยันความพร้อมขยายช่วงจากเส้นทางใกล้เคียงเดิม หากกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม มีการเปิดเส้นทางเพิ่มเติม

ส่วนแนวโน้มธุรกิจในปี 2568 บริษัทฯ ยังวางเป้าหมายเพิ่มปริมาณผู้โดยสารอยู่ในระดับ 4.5 – 4.8 แสนคนต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 มียอดผู้โดยสารเพิ่มขึ้นมาเฉลี่ยวันละ 3.8 แสนคนต่อวัน ซึ่งปัจจัยสำคัญจะมาจากกลยุทธ์การนำเอานวัตกรรมและเทคโนโลยีมาให้บริการผู้โดยสาร การบริหารจัดการระยะห่างของรถ และการเพิ่มช่องทางรับชำระค่าโดยสารที่หลากหลายมากขึ้น

โดยในไตรมาส 1 ปีหน้า บริษัทฯ เตรียมเดินหน้าขยายการเปิดรับชำระค่าโดยสาร ด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการหารือกับ กรมการขนส่งทางบก และธนาคารกรุงไทย เบื้องต้นจะมีการใช้แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” เป็นตัวรับเงินก่อน คาดได้ใช้จริงในช่วงไตรมาส 1 ปี

\'ไทย สมายล์ บัส\' ลุยระบบแตะจ่ายค่าโดยสาร หวังดันผู้โดยสารพุ่ง 4.8 แสนคน

นอกจากนี้บริษัทฯ ได้วางแผนขยายระบบชำระเงิน (Payment) ด้วยการเปิดรับบัตรเดบิต เครดิต จากสองค่ายใหญ่อย่าง Visa กับ Master Card ให้ผู้ใช้บริการมีทางเลือกมากขึ้น รวมทั้งเพื่อรองรับเทรนด์การเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่พบว่ามีความนิยมเดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเองและใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น และโดยเฉพาะสัญญาณบวกของตลาดจีนที่กำลังจะฟื้นตัว บริษัทฯ จึงวางแผนเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มเติมผ่านระบบ China T-Union รองรับบริการแก่นักท่องเที่ยวจีน ชำระค่าโดยสารอัตรา (Flat Rate) เพียง 25 บาทต่อเที่ยว รวมค่าทางด่วน ค่าจอดรับ-ส่งสนามบิน

“การเติบโตของปริมาณผู้โดยสารในปีหน้า เชื่อว่าส่วนสำคัญจะมาจากปริมาณผู้โดยสารต่างชาติ จากการเดินทางท่องเที่ยวเองของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะเส้นทางสำคัญที่ผ่านแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ อาทิ วัดพระแก้ว” นายวรวิทย์ กล่าว