ทองคำขึ้นหลังข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐต่ำกว่าคาด
ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ได้แรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ลดลง หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงในเดือนที่ผ่านมา
รอยเตอร์สรายงาน ในวันศุกร์(20 ธ.ค.) ราคาทองคำตลาดโลก (Spot Gold) เพิ่มขึ้น 1.1% อยู่ที่ 2,623.36 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และสัญญาทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.4% อยู่ที่ 2,643.2 ดอลลาร์
สกุลเงินดอลลาร์ อ่อนค่าลง 0.4% จากระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ทำให้ ราคาทองคำ ถูกลงสำหรับผู้ซื้อจากต่างประเทศ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน
รายงานระบุว่าอัตราเงินเฟ้อรายเดือนชะลอตัวลงในเดือนพฤศจิกายน หลังจากปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในช่วงไม่กี่เดือนที่ ผ่านมา ดัชนีการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนที่แล้ว หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือน ตุลาคม
“ไม่เพียงแต่ข้อมูล PCE เท่านั้น ข้อมูลรายได้ส่วนบุคคล และ ข้อมูลการใช้จ่ายส่วนบุคคลต่างออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้ เรา กำลังเห็นผู้คนกลับเข้ามาในตลาดทองคำอีกครั้งและสร้าง ฐานการซื้อใหม่” ฟิลิป สไตรเบิล หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาด ของโบรกเกอร์ตลาดล่วงหน้า Blue Line Futures กล่าว
“ทันใดนั้น จากที่ตลาดรับข่าวอัตราดอกเบี้ยจะลดลงเพียง 2 ครั้งในปีหน้าซึ่งทำให้เกิดการเทขายทองคำอย่างรุนแรง ก็ กลับกลายมาเป็นว่าอาจจะมีการลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งโดย นโยบายผ่อนปรนมากขึ้น แต่ยังคงเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุป”
อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะเพิ่มต้นทุนเสียโอกาสในการถือครอง ทองคำซึ่งไม่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย
“ด้วยอุปสงค์ทองคำแท่งที่ยันอยู่ได้ในตอนนี้ หมายความว่า ตอนนี้เรากำลังมุ่งหน้าสู่ปี 2025 ในขณะที่ตลาดหวังน้อยลง สำหรับการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นได้ หากความกลัวเงินเฟ้อกลายเป็นเรื่องที่เกิน จริง ทำให้เฟดปรับนโยบายได้ง่ายขึ้น” นักวิเคราะห์ของ ธนาคาร JP Morgan กล่าวในบันทึก
- ราคาโลหะมีค่าอื่น เพิ่มขึ้นตามทองคำ โดยเงินพุ่งขึ้น 1.7% เป็น 29.52 ดอลลาร์ต่อออนซ์
- ราคาแพลตตินัม เพิ่มขึ้น 0.2% อยู่ที่ 925.65 ดอลลาร์
- ราคาแพลเลเดียมเพิ่มขึ้น 1.2% อยู่ที่ 916.88 ดอลลาร์